เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 มี.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นางภัทรินทร์ แซตั้ง อายุ 55 ปี พร้อมนายธนกร ไกรสินธุ์ อายุ 55 ปี เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.รังสิมันต์ ตันจริง รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. แจ้งความร้องทุกข์กรณี พนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ดำเนินคดีคนร้ายลักลอบตัดต้นพะยูงในที่ดินของตนจำนวน 8 ต้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
นางภัทรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.64 มีคนร้ายไม่ทราบเป็นใครเข้ามาลักลอบตัดต้นพะยูงที่ขึ้นอยู่ในที่ดินของตนตามโฉนดที่ดิน นส4 ง. เลขที่ 172 เล่ม 2 หน้า 72 เนื้อที่ดินประมาณ 2 งาน ตั้งอยู่ที่ ม.13 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จากที่มีอยู่ทั้งหมด 16 ต้น โดยคนร้ายตัดไป 4 ต้น วันเกิดเหตุ ตนอยู่บ้านพักที่ กทม.จึงให้นายเจษฎา เจือสกุล อายุ 32 ปี ลูกชายที่อยู่กาฬสินธุ์ ไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วีรวัฒน์ หิรัญภิงคา รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุฉินารายณ์ ไว้ให้สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางภัทรินทร์ กล่าวต่อ วันที่ 29 พ.ย.64 พบว่ามีคนร้ายแอบมาลักลอบตัดต้นพยูงอีก 2 ต้น ตนได้ไปแจ้งความ ต่อ พ.ต.ท.สุขสวัสดิ์ โคตรคำ สว.(สอบสวน) สภ.กุฉินารายณ์ ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีคนร้าย
ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.64 มีคนร้ายแอบมาตัดต้นพะยูงไปอีก 2 ต้นจากที่ดินของตน ได้ไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ประยุง แสนกาษา รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุฉินารายณ์
ตนได้นำเรื่องคนร้ายลักลอบตัดต้นพยูงในที่ดินตนไปร้องต่อ กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ช่วยติดตามอีกทางหนึ่ง ซึ่งได้ข้อมูลข่าวสารจากชาวบ้านที่พบเห็นในวันที่เกิดเหตุดังกล่าวทราบว่าได้มี
บุคคลเป็นชาย 1 คน ได้นำไม้พะยูงจำนวน 1 ท่อน ยาวประมาณ 2 เมตร ได้นำการลากจูงด้วยมอเตอร์ไซค์ไปขายให้กับ
นายวี(นามสมมุติ) ในราคา 400 บาท จากการซักถามนายวี (นามสมมุติ) รับว่าอดีตเคยป็นนายหน้าคำไม้พะยูงในพื้นที่มาก่อนแต่ปัจจุบันเลิกไปแล้วและมาประกอบอาชีพเลี้ยงควายจำหน่าย เคยทำหน้าที่เป็นนายหน้าให้กับพ่อค้าประเทศ สปป.ลาว แขวงสุวรรณ
เขต มาก่อน มีนายบอล ไม่ทราบชื่อจริง ได้นำไม้ท่อนดังกล่าวมาขายให้ตนที่บ้านพักในราคา 400 บาท เนื่องจากนายบอลเข้าใจว่าตนยังประกอบอาชีพนายหน้าไม้พะยูงอยู่
นางภัทรินทร์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลักลอบตัดไม้พะยูง 3 ครั้งรวม 8 ต้น ผ่านมากว่า 3 เดือนกว่า คดียังไม่มีความคืบหน้า สอบถามพนักงานสอบสวน สภ. กุฉินารายณ์ แจ้งว่า รอผลการตรวจพิสูจน์เนื้อเยื่อต้นไม้ที่ส่งไปตรวจพิสูจน์กับทางป่าไม้จังหวัดอยู่ แต่เมื่อตนไปติดตามสอบถามที่ ป่าไม้จังหวัดฯ กลับได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้ส่งตัวอย่างมาตรวจสอบเลย เมื่อย้ายกลับไปถาม พงส.กุฉินารายณ์ ก็แจ้งว่า กำลังจะส่งตัวอย่างไป
ซึ่งตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงต้องเดินทางมาร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามช่วยเร่งรัดคดีให้ด้วย
พนักงานสอบสวน บก.ป.ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาร้องทุกข์แล้วพบว่าเป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุฉิรารายณ์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ พงส.บก.ปปป.ก่อนจะพาผู้เสียหายไปพบ พงส.บก.ปปป.พิจารณาดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป
เบื้องต้น พ.ต.ต.สมโชค รัตนอำภา สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป.ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.กาฬสินธุ์ ถึงผลการตรวจพิสูจน์เยื้อไม้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ติดโควิด-19 ทำให้ออกไปตรวจพิสูจน์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ แต่จะได้นัดร้อยเวรและผู้เสียหาย ไปร่วมตรวจพิสูจน์ทราบในวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อยเพื่อดำเนินคดีต่อไป