สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับ SMS จากโทรศัพท์หมายเลข +66623700176 ระบุข้อความว่า “Lion Air สวัสดีค่ะ ขอบคุณลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางเราขอมอบคูปองเที่ยวบินฟรีให้กับคุณ 1 ใบ” พร้อมแนบลิงก์ปลอมท้ายข้อความ ผู้เสียหายหลงเชื่อเนื่องจากเป็นสายการบินที่เคยใช้บริการบ่อย จึงกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความดังกล่าว จากนั้นจึงปรากฎบัญชีไลน์ ชื่อ Lion Air Grop พร้อมทั้งปรากฏภาพโลโก้ของสายการบิน Lion Air
.
จากนั้นไลน์มิจฉาชีพดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลแหล่งที่ได้รับสิทธิ์ซึ่งก็คือทาง SMS ต่อมา ไลน์มิจฉาชีพดังกล่าวได้ส่งข้อความกลับมาพร้อมระบุเงื่อนไขต่างๆเพื่อความแนบเนียนโดยระบุว่า “เพื่อเป็นการขอบคุณคุณลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่องทางเราขอมอบคูปองเที่ยวบินฟรีให้กับคุณ 1 ใบเงื่อนไขในการรับคูปองตั๋วเครื่องบิน 1.ต้องอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปนะครับ 2.ตั๋วเครื่องบินฟรีไม่สามารถใช้บินต่างประเทศได้ฟรี 3.กระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องน้ำหนัก 10 กิโลกรัม 4.อาหารฟรี 1 มื้อ 5.คูปองตัวเครื่องบินนี้ไม่จำกัดเวลาไม่ทราบว่าท่านสะดวกรับคูปองเที่ยวบินฟรีไว้สำหรับเทศกาลต่างๆหรือไม่”
.
ขณะนั้นผู้เสียหายไม่สะดวกเดินทาง จึงไม่สามารรถระบุวันเวลาเดินทางได้ มิจฉาชีพจึงขอหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหายเพื่อยืนยันสำรองสิทธิ์ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไม่สามารถใช้งานได้ โดยหน้าจอได้ค้างภาพโลโก้ของบริษัท Lion Air พร้อมกับข้อความว่า “กรุณารอทำการประมาณ 5-10 นาที เจ้าหน้าที่ของ Lion Air จะส่งคูปองเที่ยวบินฟรีไปยังอีเมล์ของคุณห้ามออกจากหน้านี้”
.
ในระหว่างที่หน้าจอค้างอยู่นั้น มิจฉาชีพได้ใช้บัญชีไลน์โทรหาผู้เสียหายเพื่อพูดคุยถ่วงเวลา จากนั้นให้ผู้เสียหายแจ้งรหัสที่ปรากฏที่หน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรหัส OTP เมื่อพูดคุยกันต่อสักระยะจึงวางสายไป จากนั้นผู้เสียหายจึงเริ่มเอะใจ จึงเข้าไปตรวจสอบแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือปรากฏว่าเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปทั้งหมด 9 บัญชี รวมจำนวน 2,555,150 บาท จึงได้เข้าแจ้งความในเวลาต่อมา
.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท. 3 รับผิดชอบสืบสวนสวนสวนกรณีดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย
.
ต่อมา ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคระห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งกำลังเข้าจับกุม
นายกมล อายุ 43 ปี ชาว จ.พิจิตร ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.322/2566 ลง 21 ก.ค.66 ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.หัวดง อ.เมือง จ.พิจิตร นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย