วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกการเมืองควบรวม “ทรู-ดีแทค”

Related Posts

ควบรวม “ทรู-ดีแทค”

10:29:42 AM

ซื้อเวลา-ทุนการเมืองเบียดแทรก! จากสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว….ถึงควบรวม “ทรู-ดีแทค” ผ่าน 3 เดือน กสทช.ใหม่ยัง หาวเรอรอเก้อ” ทุนการเมืองบีบนายกฯทิ้งทวนก่อนลงหลังเสือ

“…สายสีเขียว ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แต่ “ซื้อเวลา” ไม่กล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไปว่า จะเอาอย่างไรกับอนาคตของโครงการนี้ คงไม่พ้นจ้องจะประเคนโครงการออกไปให้กลุ่มทุน “กากี่นั๊ง” ใต้ขายคาชุบมือเปิบไปอีกต่อนั่นแหล่ะ เรื่องกสทช.ก็เช่นกันกว่า 3 เดือนที่สำนักงานเลขาวุฒิสภา ส่งรายชื่อว่าที่ กสทช.ชุดใหม่ไปยังสำนักงานเลขาธิการ ครม.เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ จนถึงวันนี้ก็กลับไม่มีทีท่าว่าจะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯใด ๆ ทั้งที่ภารกิจเบื้องหน้าของ กสทช.ชุดใหม่นั้นมีงานที่ต้องเร่งสะสางกันเป็น “พะเรอเกวียน”

ทั้งการจัดระเบียบวิทยุชุมชน ปัญหาการให้บริการ OTT ที่เข้ามากลืนตลาดสื่อสารและโซเชียลของประเทศไปแล้วในเวลานี้ หรือ การประมูลสิทธิ์ให้บริการวงโคจรดาวเทียม และโดยเฉพาะกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง ทรู (True )และดีแทค (Dtac)..

เพราะที่สุดแล้ว กลุ่มทุนการเมืองก็ยังสามารถเบียดแทรกเข้าไปเป็น “ยาดำ” หาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อได้อยู่ดี  แม้แต่ใบสั่งให้นายกรัฐมนตรี นั่ง “เอามือซุกหีบ” เปิดทางให้กลุ่มทุนการเมืองด้ันเมฆให้รักษาการ กสทช.ที่หมดวาระไปแล้วเร่ง “ปีดดีล” ควบรวมกิจการโทรคมนาคมก็ยังทำได้ จริงหรือไม่จริง?..”

ปัญหาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่ซื้อเวลา ปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบทิ้งๆขว้างๆ รอจนถึงวันที่ตัวเองหมดวาระ หมดเวลาการบริหารประเทศ ช่างมากมายเหลือเกิน นอกจากสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียว ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แต่ “ซื้อเวลา” ไม่กล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไปว่า จะเอาอย่างไรกับอนาคตของโครงการนี้

จะไฟเขียวต่อขยายสัญญาสัมปทานให้กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงทพ หรือ บีทีเอส (BTS) ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร(กทม.)เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระที่กทม.มีอยู่กับบริษัทเอกชนคู่สัญญาหรือจะ“ล้มกระดาน” ตีกลับไปนับ 1 ใหม่ และรอให้สัมปทานโครงการเดิมสิ้นสุดลง แล้วเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาลงทุนกันใหม่

ทั้งที่จะว่าไป พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ต่างก็เห็นชอบกับแนวทางการต่อขยายสัมปทานที่ว่าไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว แต่ปัญหาที่มันเกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมที่เคยเห็นชอบกับแนวทางการต่อขยายสัมปทานมาก่อน ไม่พอใจที่โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ของรฟม.ถูกบริษัทบีทีเอส(BTS) ลุกขึ้นมาฟ้องร้องต่อศาลปกครองกรณีที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกดอดไปแก้เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกกลางครัน จนทำเอาโครงการประมูลล้มทั้งยืน ป่านนี้ก็ยังไม่สามารถจัดประมูลใหม่ได้

จึงทำให้กระทรวงคมนาคมไม่เพียงกระโดดขวางเส้นทางต่อขยายสัมปทานสายสีเขียวให้ BTS อย่างสุดลิ่ม ยังตั้งแท่นจะให้ทบทวนมติ ครม.เพื่อโอนโครงข่ายสายสีเขียวคืนกลับไปให้ รฟม.โม่แป้งเอง ซึ่งก็คงไม่พ้นจ้องจะประเคนโครงการออกไปให้กลุ่มทุน “กากี่นั๊ง” ใต้ขายคาชุบมือเปิบไปอีกต่อนั่นแหล่ะ 

การที่นายกฯเอาแต่ “ซื้อเวลา”ไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไป ทำให้ทุกฝ่ายได้แต่กังขาบทบาทของนายกฯ”ลุงตู่”ผู้นี้ ใช่ตัวบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาชาติอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหวังกันไว้แน่หรือ เพราะไม่เพียงแต่กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเท่านั้นที่รัฐบาลเอาแต่ซื้อเวลา

ยังมีกรณีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” หรือ “กสทช.” ที่สำนักงานเลขาวุฒิสภาได้ดำเนินการสรรหาและที่ประชุมวุฒิสภาได้โหวตให้ความเห็นชอบ “ว่าที่ กสทช.” ใหม่ 5 ใน 7 คนแล้วเสร็จไปตั้งแต่ปลายปี 2564 และว่าที่ กสทช.ชุดใหม่ได้จัดประชุมแบ่งงานและภารกิจที่จะต้องเร่งเข้ามาดำเนินการกันไปตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว

แต่กว่า 3 เดือนที่สำนักงานเลขาวุฒิสภา ส่งรายชื่อว่าที่ กสทช.ชุดใหม่ไปยังสำนักงานเลขาธิการ ครม.เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ จนถึงวันนี้ก็กลับไม่มีทีท่าว่าจะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯใด ๆ ทั้งที่ภารกิจเบื้องหน้าของ กสทช.ชุดใหม่นั้นมีงานที่ต้องเร่งสะสางกันเป็น “พะเรอเกวียน”

ทั้งการจัดระเบียบวิทยุชุมชน ปัญหาการให้บริการ OTT ที่เข้ามากลืนตลาดสื่อสารและโซเชียลของประเทศไปแล้วในเวลานี้ หรือ การประมูลสิทธิ์ให้บริการวงโคจรดาวเทียม และโดยเฉพาะกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง ทรู (True )และดีแทค (Dtac) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับ 2และ3 ของประเทศ ที่ประกาศจะดำเนินการควบรวมกิจการกัน ท่ามกลางเสียงค้านระงมของนักวิชาการและประชาชนในทุกภาค่ส่วน เนื่องจากเกรงจะทำให้ตลาดโทรคมสาคมของประเทศที่มีผู้เล่นน้อยรายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะเหลือผู้เล่นอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น ประชาขนผู้บริโภคมีโอกาสที่จะถูกมัดมือชกโขกค่าบริการและถูกเอาเปรียบได้ทุกเมื่อ

หลายภาคส่วนจึงออกโรงเรียกร้องและกดดันให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง  กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.จะต้องลงมากำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดถึงพริกถึงขิง เพราะบทเรียนจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า(กขค.) ต่อการอนุมัติควบรวมกิจการค้าปลีก-ค้าส่งในช่วงก่อนหน้านั้น ได้สะท้อนให้เห็นไปแล้วว่าแม้แต่กฎหมายจะวางบทบัญญัติวางหลักเกณฑ์เอาไว้เข้มงวดอย่างไร  แต่กลุ่มทุนการเมืองก็ง้างกฎหมายจนบิดเบี้ยวไม่เหลือซากให้เห็นมาแล้ว

และ แม้ก่อนหน้านี้ กสทช.ชุดใหม่ จะมีการจัดประชุมเพื่อจัดลำดับความสำคัญของภารกิจก่อน-หลัง ที่กสทช.ชุดใหม่จะต้องเร่งสะสาง แต่ก็กลับปรากฏว่ามี “ไอ้โม่ง-มือที่มองไม่เห็น” แอบส่งซิกให้สำนักงานเลขาธิการครม.ดึงเรื่องการแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่ออกมาโดยไม่มีกำหนด เพื่อหวังจะให้ รักษาการ กสทช.ชุดปัจจุบันเร่ง “ปิดดีล” การควบรวมกิจการ “ทรู-ดีแทค” ลงให้ได้

เป็นเครื่องสะท้อนให้ประชาชนคนไทยได้เห็น กฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระนั้น มัน “ไม่มีอยู่จริง” หรือ “มีก็เหมือนไม่มี”

เพราะที่สุดแล้ว กลุ่มทุนการเมืองก็ยังสามารถเบียดแทรกเข้าไปเป็น “ยาดำ” หาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อได้อยู่ดี  แม้แต่ใบสั่งให้นายกรัฐมนตรี นั่ง”เอามือซุกหีบ”เปิดทางให้กลุ่มทุนการเมืองด้ันเมฆให้รักษาการ กสทช.ที่หมดวาระไปแล้วเร่ง”ปีดดีล”ควบรวมกิจการโทรคมนาคมก็ยังทำได้ จริงหรือไม่จริง?

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts