กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย
รอง ผบก.ป.ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหา, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.อ.ประมุข ภิรมเจียว, ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง รอง สว.กก.3 บก.ปอท.
ร่วมตรวจค้น บ้าน หมู่ 5 ตำบลสุขเกษม อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ตามหมายค้นศาลแขวงนครราชสีมา ที่ ค.40/2567 ลง 18 มิ.ย.67 พบนางสาวชลิตาฯ หรือโดนัท อายุ 30 ปี อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว
พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด ประกอบด้วย
- ใบฉลากน้ำเต้าปูปลา จำนวน 1 กล่อง
- กระดาษบอกป้ายผลการพนันน้ำเต้าปูลา จำนวน 17 แผ่น
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPHONE รุ่น 13 จำนวน 1 เครื่อง
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPHONE รุ่น 13 Pro max จำนวน 1 เครื่อง
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO รุ่น V2126 จำนวน 1 เครื่อง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีนโยบายให้สายตรวจออนไลน์โดย
กก.3 บก.ปอท. ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ที่มีการกระทำความผิด จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวนทางโซเชียลมีเดีย ปรากฏบัญชีอินสตาแกรมรายหนึ่งมีการเผยแพร่การไลด์สดการจัดให้มีการเล่นการพนันน้ำเต้า
ปูปลา ลุ้นรางวัล เผยแพร่ผ่านทางอินสตาแกรมที่เปิดเป็นสาธารณะ เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลแขวงนครราชสีมา ที่ ค.40/2567 ลง 18 มิ.ย.67 เข้าทำการตรวจค้น โดยขณะทำการตรวจค้นได้พบนางสาวชลิตาฯ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยนางสาวชลิตาฯ ให้การรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีอินสตาแกรม มีการไลฟ์สดจัดให้มีการพนันพื้นบ้าน ประเภทน้ำเต้าปูปลา โดยมีผู้เข้าเล่นต่อคืนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้ต่อคืนประมาณ 10,000 – 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิดฐาน “เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์”
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 และเนื่องจากความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ยังเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้ว่าผู้กระทำผิดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน
ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือปกปิดที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือกระทำการใด ๆ เพื่อปกปิดการจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ของทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือได้มาหรือครอบครองทรัพย์สินโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3
บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น รับสารภาพ
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก สว.กก.3 บก.ปอท.
หมายเลขโทรศัพท์ 063 156 5466