“…ม็อบราดน้ำมันเผาโลงจำลองติดรูปบิ๊กตู่ ‘ไฮโซลูกนัท’ ลั่นภูมิใจได้สวมเสื้อแดง เปิดใจเคยหัวเราะเยาะเย้ยความพ่ายแพ้ของคนเสื้อแดง แต่วันนี้อยากจะก้มลงไปกราบ เพราะวันนี้ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ อีกหลายคนที่เคยสนับสนุน กปปส. พันธมิตร พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ไม่เอา แล้ว เลิกรักแล้ว เลิกโง่แล้ว…”
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ในวาระครบรอบ 12 ปี 10 เมษายน 2553 เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุม “คาร์ม็อบทะลุโลง” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยมวลชนอิสระจากหลายกลุ่ม อาทิ 4 ขุนพลคนของราษฎร, ทะลุแก๊ซ, ทะลุฟ้า, โรนินฝั่งธนไม่เอาเผด็จการ, อาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฯลฯ
โดยเวลาประมาณ 17.00 น. ขบวนคาร์ม็อบทะลุโลงได้เคลื่อนจากอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เข้ามายังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเปิดเวทีปราศรัย และวางโลงศพจำลอง
เวลา 18.53 น. มีการเผาโลงศพจำลองโดยราดน้ำมันและจุดไฟ ก่อนเผาภาพผู้นำรัฐบาลจนมอดไหม้ไปกับโลง ด้านราษฎรัมส์รัวกลองเป็นจังหวะ ท่ามกลางเสียงเฮของผู้ร่วมชุมนุม จากนั้นทีมงานช่วยกันดับไฟด้วยถังดับเพลิงและน้ำ ส่งผลให้มีละอองควันพวยพุ่งปกคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา 18.57 น. โดยผู้ชุมนุมช่วยกันเก็บกวาดเศษซากก่อนแยกย้ายกลับ
ด้าน นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท แกนนำกลุ่มสลิ่มกลับใจ กล่าวว่า วันนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เมื่อย้อนกลับมามองดูตัวเองเป็นวันที่น่าอับอาย และอัปยศของตัวเองที่สุด
“ผมได้เขียนข้อความในเฟซบุ๊ก หัวเราะเยาะเย้ยความพ่ายแพ้ของคนเสื้อแดง แต่มีข้อความตอบกลับมาบอกว่า ‘ถึงวันนี้จะพ่ายแพ้ แต่เราจะไม่ยอมแพ้ แล้ววันนึงมึงจะรู้สึก’ ผมอยากรู้มากว่าใครตอบกลับมา อยากจะก้มลงไปกราบ เพราะวันนี้ผมเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ อีกหลายคนที่เคยสนับสนุน กปปส. พันธมิตร พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ไม่เอา แล้ว เลิกรักแล้ว เลิกโง่แล้ว ต้องรอให้ความฉิบหายเกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงจะเลิกโง่ได้ ถ้าเป็นเวทีคนเสื้อสีอื่นไม่มีทางที่คนเห็นต่างจะได้มาขึ้นเวที พูดถึงความอัปยศของตัวเอง และลงไปแล้วไม่โดนกระทืบ ไม่มีคนกลุ่มไหนในประเทศมีใจกว้างและรักความเป็นธรรม รักเสรีภาพและประชาธิปไตยมากเท่ากับคนเสื้อแดง” นายธนัตถ์กล่าว
นายธนัตถ์กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า หลายภาพ หลายคลิปวิดีโอ ตนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ตนไปสะดุดใจตรงคำพูดของพี่เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่บอกว่า ในค่ำคืนที่ 10 เมษายน เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คนเสื้อแดงเป็นคนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ และวันที่ 9 ก็ออกมาจากสังคม จากครอบครัว จากจุดที่อยู่สบาย เพราะไม่สามารถปิดตาและทนกับอำนาจเผด็จการได้ ได้มาพบครอบครัวใหม่ คือพ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดง
“ครั้งหนึ่งผมเคยใฝ่ฝันว่า อยากจะเป็น ส.ส.ของพรรคสีฟ้า เป็นนักการเมือง ถึงแม้วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เกียรติยศที่ภูมิใจที่สุดของชีวิต คือการใส่เสื้อสีแดง คือการได้เป็นลูกหลานคนเสื้อแดง ได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยกับพี่น้องคนไทยให้กับตัวเอง และอนาคตของทุกคน