“…รอง ผบช.น.ตามคดีนักการเมืองลวนลาม นศ.สาว เผยเข้าข่ายอนาจาร ชี้ยังไม่ได้รับการประสานเข้าให้ปากคำ ยืนยันมีหลักฐานกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานที่เป็นประโยชน์กับสำนวนคดี เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งยอมความไม่ได้ ย้ำว่าตำรวจไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใดก็ตาม…”
เมื่อเวลา 15.40 น.วันที่ 14 เม.ย.ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) เข้าตรวจสอบสำนวนและติดตามความคืบหน้ากรณีมีนักศึกษาสาววัย 18 ปี แจ้งความกับตำรวจหลังอ้างว่าถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ลวนลามกอดจูบ หลังหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนหุ้น ที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในซอยสุขุมวิท 11
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เผยว่า หลังรับแจ้งความ ตำรวจ สน.ลุมพินี ก็สืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็ว ยืนยันมีหลักฐานกล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานที่เป็นประโยชน์กับสำนวนคดี โดยกรณีนี้ถือเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งยอมความไม่ได้ แต่การจะขอศาลอนุมัติออกหมายจับหรือหมายเรียกนั้น ถือเป็นดุลยพินิจของศาล ซึ่งคดีนี้สามารถออกหมายจับได้ แต่หากผู้ก่อเหตุจะมามอบตัวก่อนก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากผู้ก่อเหตุจะเข้ามาให้ปากคำเมื่อใด ขอย้ำว่าตำรวจไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใดก็ตาม สำหรับมีผู้เสียหายรายอื่น ต้องดูว่าเกิดเหตุที่ไหน หากทราบก็ให้ไปร้องทุกข์กับโรงพักท้องที่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส เอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดนายบี (นามสมมุติ) รองหัวหน้าพรรคการเมืองรายนี้ ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” หลังเวลา 17.00-19.00น.วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา หลัง น.ส.เอ ได้รับการแนะนำเรื่องการลงทุนจากมารดาที่ให้มารู้จักกับนายบี ซึ่งมีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการลงทุน และเศรษฐศาสตร์ โดยเมื่อไปถึงที่ร้าน ก็พบว่านายบี กำลังดื่มแอลกอฮอล์อยู่ และชักชวนให้ดื่มด้วย แต่ตนไม่ดื่ม ก่อนที่นายบี จะบอกว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่และบังคับให้ดื่ม ด้วยความเกรงใจและไม่ต้องการมีปัญหา ผู้เสียหายจึงดื่มไปตามที่บอก ระหว่างนั้น นานบีได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวซึ่งไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่มาพูดคุยกัน ทั้งยังสอบถามว่ามีแฟนมากี่คน เคยจูบและมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และยังพยายามขยับเข้ามานั่งใกล้ ใช้มือแตะเนื้อตัว หอมมือ แขน และจูบปาก ซึ่ง น.ส.เอ พยายามผลัก เพราะไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แต่นายบี ก็ยังขยับเข้ามาใกล้ทุกครั้งที่มีโอกาสจนทนไม่ไหว ก่อนจะขอตัวกลับ นายบี จึงขอขับรถไปส่ง และ น.ส.เอ ไม่สามารถปฎิเสธได้ โดยขณะที่อยู่บนรถ นายบี ยังพยายามมาจับมือ น.ส.เอ ซึ่งพยายามผลักอยู่หลายครั้ง จนมาถึง MRT สถานีเพชรบุรี จึงลงจากรถและเดินทางกลับบ้าน ก่อนจะเล่าเรื่องดังกล่าวให้แม่ฟังและเข้าแจ้งความก่อนที่พนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนส่งตัวไปตรวจร่างกายโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อนำมาประกอบผลทางคดี