จีนกับอินเดียมีประชากรรวมกันเกือบ 3 พันล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโลก กลายเป็นความคาดหวังให้สองชาติ ผนึกกำลังสร้างโลกในบริบทแห่งการค้าเสรี ที่ไม่กำหนดกฎระเบียบเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
การ “สงวนจุดต่าง” และ “แสวงหาจุดร่วม” ของจีนกับอินเดีย ผ่านการเจรจาในกรอบเวทีต่างๆ มานานหลายปี เพื่อหวนสู่ความสัมพันธ์อันใกล้ชิด เหมือนครั้งประวัติศาสตร์ แม้ในช่วงที่ผ่านมา อินเดียยังจำกัดท่าทีในการส่งเสริมความร่วมมือกับจีน อาจเป็นเพราะอินเดียยังคงต้องรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯต่อจีน ซึ่งเป็นโอกาสให้อินเดียเพิ่มการส่งออกไปยังสหรัฐฯได้ นอกจากนี้การที่อินเดีย จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับจีนมากและรวดเร็วเกินไป อาจทำให้สหรัฐฯหันมาออกนโยบายปกป้องทางการค้ากับอินเดียได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อจีนยังมองอินเดียในฐานะมหามิตรทางการค้า ยกย่องศักยภาพอินเดีย ย่อมทำให้อินเดีย ไม่อาจตัดสัมพันธ์กับจีนได้เช่นเดียวกัน
หากทั้งสองประเทศหันหน้าเข้าหากัน ทำลายความบาดหมางต่างๆให้สิ้นซาก จะเป็นคุณูปการต่อโลกยุคใหม่ ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน และความท้าทายระดับโลกที่รุนแรง แม้ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญกับปัญหา ที่เกิดจากสถานการณ์ชายแดนอยู่บ้างก็ตาม แต่อินเดียมีความตั้งใจที่จะหาทางออก สำหรับความขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยวิสัยทัศน์ทางประวัติศาสตร์ การคิดเชิงกลยุทธ์ และทัศนคติที่เปิดกว้าง เพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ กลับคืนสู่เส้นทางที่ดีและสร้างสรรค์
ความได้เปรียบของทั้งสองฝ่าย ที่จะหันหน้าหากันคือ ทั้งคู่ต่างมีการสื่อสารภายใน ผ่านกรอบความร่วมมือเอเชียตะวันออก, องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้, กลุ่ม G20, กลุ่ม BRICS และกรอบอื่น ๆ อยู่แล้ว จึงสามารถร่วมกันปฏิบัติตามระบบพหุภาคีนิยม ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ โดยชอบธรรมของประเทศกำลังพัฒนา
เมื่อความสัมพันธ์จีน-อินเดียกลับมาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และเป็นความคาดหวังร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ในซีกโลกใต้ นั่นคือสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกเชียร์เต็มที่