วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ป.ป.ช. "อืดอาด" เป็นเรือเกลือ

Related Posts

ป.ป.ช. “อืดอาด” เป็นเรือเกลือ

“….เครือข่ายสื่อต่อต้านการทุจริตแห่งชาติร้อง ป.ป.ช. ให้พลิกแฟ้มขึ้นมาสอบบิ๊ก ทอท. “กีรติ กิจมานะวัฒน์” ขุดผลงานอื้อฉาวทั้งในอดีตมาจนปัจจุบัน ทั้งดอดพาบิ๊ก รฟม.ทัวร์นอกขณะเป็นคู่สัญญารัฐ ก่อนรื้อประมูลสายสีส้มจนยุ่งขิง ขณะนั่ง AOT ยังก่อเรื่องลดสเปคก่อสร้างรันเวย์ 3- ตั้งผู้บริหารมีประวัติส่อขัดจริยธรรมอีก…”

กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)

ร้องป.ป.ช.พลิกแฟ้มสอบบิ๊ก ทอท.เสียที!
แฉพฤติกรรมส่อแววมีการทุจริตอื้อซ่าทั้งอดีต-ปัจจุบัน
ลดสเปคสร้างรันเวย์ -ตั้งผู้บริหารท้าทายจริยธรรม!

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นายอาคม  อุปแก้ว รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ(ส.ท.ช.) พร้อมเครือข่ายได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อติดตามความคืบหน้าข้อร้องเรียนต่อพฤติกรรมการทุจริตและประพฤติมิชอบของ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ ทอท.และในฐานะผู้บริหารบริษัทพีเอสเค คอนซัลแทนส์ (PSK) บริษัทที่ปรึกษาในอดีต

อาคม อุปแก้ว รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.)

โดยระบุว่า ทางเครือข่ายฯ ได้รับข้อมูลพฤติกรรมการส่อแววว่าจะมีการทุจริตของ นายกีรติ ทั้งในอดีตขณะที่เป็นผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาคือ บริษัทพีเอสเค คอนซัลแทนส์ (PSK) และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ในปัจจุบัน โดยทราบว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ยื่นร้องเรียน ป.ป.ช.แล้วหลายเรื่อง แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้า จึงต้องการให้ ป.ป.ช. เร่งรัดการตรวจสอบเรื่องต่างๆ ให้เกิดความกระจ่าง หาก นายกีรติฯ กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็ขอให้เร่งชี้มูลความผิด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนพฤติกรรมในอดีตของ นายกีรติ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะเป็นผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาที่รับงานในหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจหลายหน่วยงานนั้น ประกอบด้วย

1.กรณีแอบพาอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) (นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ และภรรยา)ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน 2562 โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ รฟม. เหตุเกิดขณะที่ นายกีรติฯ ขณะเป็นผู้บริหารของบริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ บริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญาของ รฟม. จนปรากฏเป็นข่าวครึกโครม หลังมีผู้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการ รฟม.และมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงสื่อใหญ่โต

รวมทั้งยังมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เนื่องจากเข้าข่ายการรับผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินจากคู่สัญญาหน่วยงานรัฐคิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท แต่จนถึงปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าใยการดำเนินการไต่สวนจาก ป.ป.ช.แต่อย่างใด

2.กรณีความเสียหายการดำเนินโครงการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (บัตรแมงมุม) โดย นายกีรติฯ ขณะเป็นผู้บริหารของบริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ และเป็นบริษัทที่ปรึกษาคู่สัญญาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในโครงการศึกษาพัฒนาระบบตั๋วร่วม จากปี 2555-2564 ใช้งบประมาณ 3 โครงการรวม 674 ล้านบาท (1. โครงการศึกษาวางแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมราว 301 ล้านบาท 2. โครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางราว 337 ล้านบาท และ 3. โครงการจัดทำแผนการกำกับบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมราว 34 ล้านบาท) โดยได้มีการทดสอบระบบอุปกรณ์ (บัตรแมงมุม) แล้ว แต่กลับไม่ได้มีการดำเนินการนำมาใช้แต่อย่างใด

โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายกีรติฯ อาจจะมีส่วนรู้เห็นกับเจ้าหน้าที่รัฐเสนอให้ สนข. โอนโครงการไปให้ รฟม.ดำเนินการแทนก่อนที่ในเวลาต่อมาบริษัทที่ปรึกษากลับทำความเห็นแย้งมายังกระทรวงคมนาคมและ สนข.ว่าระบบบัตรแมงมุมที่สนข.ลงทุนไปแล้วไม่เหมาะสม ไม่สามารถนำไปใช้งานร่วมกับระบบรถไฟฟ้าของ รฟม.ได้ (ทั้งที่ตนเป็นผู้ทำการศึกษาและจัดทำ)จึงทำให้โครงการดังกล่าวถูกเก็บงำเอาไว้กระทั่งปัจจุบัน

ต่อมาในปี 2564 เมื่อกระทรวงคมนาคมต้องการเร่งรัดโครงการจัดทำระบบตั๋วร่วมให้เกิดเป็นรูปธรรม ทาง รฟม. ได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยเข้ามาออกแบบติดตั้งระบบ Europay, Mastercard & Visa (EMV)ที่ยังคงใช้งานมาจนปัจจุบัน ทำให้ระบบอุปกรณ์ การศึกษาและแผนงานระบบตั๋วร่วม(บัตรแมงมุม) ที่ สนข.ได้เริ่มงานตั้งแต่ปี 2555 และลงทุนไปแล้วเกือบ 700 ล้านบาทสูญเปล่าไม่ถูกนำมาใช้งานสร้างความเสียหายต่อรัฐ โดยมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจากผู้บริหารของ รฟม.ไปยัง ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้แต่เรื่องกลับเงียบไป

ขณะเดียวกันเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมถึงพฤติกรรมส่อแววว่าจะมีการทุจริต
ของนายกีรติ ในเรื่องอื่นๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนี้

  1. การปรับเปลี่ยนสเปคก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นทาง 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุด โดย นายกีรติฯ ขณะดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง ทอท.ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สั่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสเปคก่อสร้างให้ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาและเงื่อนไขประมูล ทำให้ต้นทุนก่อสร้างถูกลงกว่าเดิมไปนับ 1,000 ล้านบาท

    การแก้ไขสเปคก่อสร้างรันเวย์ข้างต้นทำให้มีความเสี่ยงในระดับคุณภาพ ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่น ตลอดจนมีผลต่อการจัดอันดับสนามบินที่ดีของประเทศไทยโดยตรง
  2. กรณีอุบัติเหตุของผู้โดยสารถูกทางเลื่อนภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมืองหนีบขาขาดได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 โดย ทอท.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และได้ดำเนินการเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วในระดับหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม มีการวิพากษ์กันอย่างกว้างขวางภายใน ทอท.ว่า ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากบริษัทเอกชนที่ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงถูกผู้บริหาร ทอท.เรียกรับผลผประโยชน์ก้อนโต จนต้องหาทางลดต้นทุนการบำรุงรักษาและยืดเวลาการใช้งาน จนเกิดเหตุสลดขึ้น ขณะเดียวกันยังมีรายงานด้วยว่า ผู้เสียหายในกรณีนี้ได้ยื่นฟ้อง ทอท.ร่วม 100 ล้านบาทขณะนี้คดียังไม่ยุติ
  3. การแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้บริหาร AOT ที่ขัดจริยธรรม โดย 1 ในผู้บริหารที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง) ที่จะรับไม้ต่อจากนายกีรติ คือ นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ จากผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) ท่ามกลางกระแสวิพากษ์อย่างกว้างขวางภายในทอท.ว่าไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงาน แต่อาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว ย้อนแย้งกับหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมของ AOT ที่้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

    ทั้งนี้จากการตรวจสอบภูมิหลังผู้บริหารรายดังกล่าวพบด้วยว่าเคยมีเรื่องอื้อฉาวกับนักการเมืองท้องถิ่นในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก่อนจะใช้เส้นสายผันตัวเองเข้ามาช่วยงานภายใน ทอท.ก่อนและได้รับการบรรจุให้เข้ามาเป็นผู้บริหารระดับกลาง (ระดับผู้อำนวยการฝ่าย) ใน ทอท.ก่อนได้รับการโปรโมทให้ขึ้นมาป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ภายในระยะ 6 เดือน และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมฯในที่สุด
  4. กรณีทุจริตการจัดซื้อสติ๊กเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯ สนามบินภูเก็ต ซึ่งถูกสังคมร้องเรียนให้ตรวจสอบกันอย่างหนาหูเนื่องจนกผลาญงบประมาณดำเนินการไปอย่างมหาศาล แม้นายกีรติ จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนจะพบว่า มีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา จึงได้ชี้มูลความผิดพนักงานระดับบริหารที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจำนวน 4 คน

    ก่อนที่จะมีการตรวจสอบข้อมูลการลงโทษพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาวในภายหลังพบว่าทั้ง 4 คน แค่ถูกย้ายไปปฏิบัติงานที่สำนักงานใหญ่ทอท.เท่านั้น และเมื่อมีการตรวจสอบในเชิงลึกทำให้ได้ทราบว่า เหตุที่มีการลงโทษพนักงานสถานเบาข้างต้น เพราะโครงการดังกล่าว นายกีรติฯ เป็นผู้อนุมัติงานจ้างพิมพ์สติ๊กเกอร์ซีทรูนี้เอง กรณีจึงอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ด้วยเพราะตนมีส่วนได้เสีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีรายงานว่าสำนักงาน ป.ป.ช.เองอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการไต่สวนอยู่เช่นกัน
  5. กรณีการฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

    นายกีรติฯ (ขณะเป็นผู้บริหารของบริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์) เป็นบริษัทที่ปรึกษาการประมูลสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (งานเดินรถตลอดสาย และงานก่อสร้างฝั่งตะวันตก) และเป็นหนึ่งในตัวละครหลักที่สร้างกลไกบิดเบือนการประมูลอย่างพิสดาร เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ข้อครหา การฟ้องร้อง คดีความ สร้างความเสียหายต่อภาครัฐทั้งด้านความล่าช้าถึง 4 ปี เวลาและค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่แพงกว่า 68,000 ล้านบาท โดยมีกรณีร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังป.ป.ช.ก่อนหน้านี้

ถึงแม้ในส่วนของคดีความฟ้องร้องในชั้นศาล ในที่สุด ศาลปกครองสูงสดจะมีคำวินิจฉัยว่า รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกไม่ผิดตามฟ้อง เพราะเป็นคำวินิจฉัยด้านเทคนิคเชิงกฎหมาย จนทำให้รฟม.และกระทรวงคมนาคมสามารถผลักดันโครงการดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม และ รฟม. เซ็นสัญญาสัมปทานไปเมื่อ 17 กรกฎาคม 2567) แต่กรณีจริยธรรมความโปร่งใส ข้อกล่าวหาและข้อครหาการฮั้วประมูล รวมทั้งปมส่วนต่างราคากว่า 68,000 ล้านบาทที่เป็นข้อเท็จจริงยังคงเป็นประเด็นที่สังคมยังคงจะขุดคุ้ยหาความกระจ่างกันต่อไป

“ที่ผ่านมาหลายต่อหลายกรณีที่ภาคประชาชนได้ทำหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐตามเจตนารมย์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เรียกร้อง แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วกลับพบว่าหลายต่อหลายเรื่องเวียบหายเข้ากลีบเมฆ หรือถูกมองว่าเป็นเรื่องกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือกลั่นแกล้งตัวบุคคลให้ได้รับความเสียหาย บางกรณีกว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาไต่สวนก็เลยเวลา จนผู้บริหารเหล่านั้นพ้นตำแหน่ง ครบวาระไปแล้วหลายปี จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลและข้อร้องเรียนข้างต้นจะไม่หายเข้ากลีบเมฆหรือถูกอิทธิพลทางการเมืองใด ๆ แทรกแซงให้ล่าช้าอีก”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts