“….ผู้เสียหายชาวสวีเดน เปิดใจ ตนเองรู้จักกับ The icon ผ่านทางพี่ชายที่รู้จักกัน แนะนำให้ร่วมลงทุน ซึ่งตอนแรกมองว่าบริษัทมีภาพลักษณ์ดี ทำตนสูญไป 2 แสนบาท จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจในวันนี้ เพราะอยากให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียหาย สำหรับธุรกิจที่มีการหลอกลวงในลักษณะนี้ มีอยู่ทั่วโลก แฉ! มีการไปเปิดตลาดที่ต่างประเทศหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว และเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งไปเปิดที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย วอนตำรวจประสานกับสถานทูต เพื่อหาเเนวทางดำเนินการก่อนที่ความเสียหายจะลามไปต่างประเทศ เผย 3 ผู้ต้องหา ซึ่งหนึ่งในนั้น มี “บอสมิน” ดาราสาวรวมอยู่ด้วย ยื่นขอประกันตัว ปรากฏว่า ศาลไม่ให้ประกันทั้ง 3 คนตามพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้าน…”

วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.30 น. ตำรวจ ปคบ.​ นำตัว 17 บอส “ดิไอคอน” ส่งฝากขังต่อศาลอาญา ยกเว้น “บอสพอล” โดยให้เหตุผลว่ายังมีเรื่องที่ต้องสอบเพิ่มเติม โดยมีกำหนดว่าจะส่งฝากขังในวันถัดไปตามกำหนด 48 ชม.

ด้านนางชลิตา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้พาผู้เสียหายจากการลงทุนกับบริษัท The icon Group เข้าเเจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลาง โดยหนึ่งในนั้นเป็นหญิงชราวัย 78 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีก 2 ราย เป็นชาวต่างชาติ เป็นชายชาวสวีเดน เเละหญิงชาวกัมพูชา ซึ่งก็ได้รับความเสียหายจากการลงทุนกว่า 2 เเสนบาท

หนึ่งในผู้เสียหาย คือ นางทองสุข อายุ 78 ปี เป็นผู้ป่วยมะเร็ง เผยว่า เมื่อปี 2565 ลูกสาวได้เข้าไปอบรมกับ The iCon ก่อนจะมาเเนะนำ ซึ่งตนเองกตัดสินใจเปิด 1 ดีลเลอร์ จำนวน 250,000 บาท โดยนำที่ดิน 1 ไร่ ไปขาย เพื่อนำเงินมาลงทุน เเต่ยังไม่ได้รับของ ซึ่งตอนนี้รู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินคืน เพราะตนป่วยเป็นมะเร็งต้องการต่อยอดนำเงินมารักษา

ด้านลูกสาวของนางทองสุข คือ นางปิยะนันท์ อายุ 50 ปี บอกว่าตนเองรู้จักกับ The icon ผ่านทางช่องทางออนไลน์ ก็ได้มีการสมัครเข้าไปเรียนและร่วมลงทุน ซึ่งลงก้อนเเรก จำนวน 250,000 บาท ก่อนจะชักชวนเเม่และคนใกล้ชิด ร่วมลงทุนด้วย เฉพาะครอบครัวของตนรวมมูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 7 แสนบาท ซึ่งตอนที่ร่วมลงทุนกับ The icon ก็พบเจอปัญหา เพราะจะได้รับสินค้าเพียงอย่างเดียว อย่างเช่นตนได้เพียงโกโก้ ถ้าอยากได้สินค้าอย่างอื่นมาขายด้วย จะต้องนำไปแลกกับคนอื่น เป็นเหตุให้ขายยาก ของที่ตนได้รับมานั้นไม่สามารถขายได้แม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่คิดว่าบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือจะมีปัญหา

นายโอกัน อายุ 64 ปี ผู้เสียหายชาวสวีเดน บอกว่า ตนเองรู้จักกับ The icon ผ่านทางพี่ชายที่รู้จักกัน แนะนำให้ร่วมลงทุน ซึ่งตอนแรกมองว่าบริษัทมีภาพลักษณ์ดี มีแฟรนไชส์มากเห็นมิตรภาพระหว่างคนข้างในบริษัท ตั้งเเต่ระดับบอส จนถึงระดับล่าง ตอนนั้นทุกคนดูเชื่อใจกันมาก ทำให้ตนเกิดความเชื่อใจในบริษัท ซึ่งปกติตนเป็นคนที่ลงทุนกับธุรกิจหลายอย่างอยู่แล้ว จึงร่วมลงทุนไปประมาณ 200,000 บาท แต่หลังจากลงทุนไม่ได้อะไรกลับมาเลย แม้กระทั่งสินค้าก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งสำหรับตนเองเเล้ว เงินจำนวนนี้ไม่ได้เยอะอะไร และส่วนตัวมองว่าตนเองได้รับความเสียหายไม่มากนัก แต่สำหรับบางคนเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เยอะ จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจในวันนี้ เพราะอยากให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียหาย สำหรับธุรกิจที่มีการหลอกลวงในลักษณะนี้ มีอยู่ทั่วโลก

ด้าน นางสาวจินนี่ อายุ 42 ปี ผู้เสียหายชาวกัมพูชา บอกว่า  เมื่อปี 2565 ช่วงสถานการณ์โควิด ตนเองหาคอร์สเรียนเพื่อเสริมรายได้ พบว่ามีคลอสเรียนสอนการขายของออนไลน์ของ The iCon ซึ่งราคาเรียนไม่สูง เพียง 97 บาทเท่านั้น จึงตัดสินใจสมัครเข้าไปเรียน โดย 1 – 2 วันเเรก ก็จะมีการสอนวิธีการขายของ แต่หลังจากนั้นวันที่ 3 – 4 ของการเรียน ก็จะมีเหล่าบรรดาบอสมาพูดคุย หนึ่งในนั้นที่มาสอนคือบอสสวย มีการชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจกับ The Icon พร้อมนำข้อเสนอต่างๆ มาหลอกล่อ ว่าจะประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดความหลงเชื่อ มองว่าน่าเชื่อถือ  จึงตัดสินใจเปิด 1 ดีลเลอร์ จำนวน 250,000 บาท นอกจากนี้ The icon ยังมีการไปเปิดตลาดที่ประเทศกัมพูชาเมื่อปี 2567 และเมื่อไม่นานมานี้ มีบอสต่างๆ รวมถึงบอสที่เป็นนักเเสดงไปร่วมงานด้วย และมีคนกัมพูชาตกเป็นเหยื่อ ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล จึงอยากเตือนชาวกัมพูชาที่หลงเชื่อด้วย เพราะมีจำนวนไม่น้อยเกรงอย่าจะตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น

ด้าน ต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้กล่าวเสริม ว่า เท่าที่ทราบตอนนี้ทางด้านของบริษัท The icon มีการไปเปิดตลาดที่ต่างประเทศหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว และเมื่อไม่นานมานี้ ทราบว่าเพิ่งไปเปิดที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย ซึ่งส่วนตัวอยากให้ตำรวจประสานกับสถานทูต เพื่อหาเเนวทางดำเนินการ สำหรับความผิดที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะในกรณีนี้ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้นมีผู้ต้อง 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น มี “บอสมิน” ดาราสาวรวมอยู่ด้วย ยื่นขอประกันตัว ปรากฏว่า ศาลไม่ให้ประกันทั้ง 3 คนตามพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้าน

นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน เผยว่า ได้ยื่นประกันตัวแล้ว ส่วนผู้ทำสัญญาประกันและหาหลักทรัพย์ในการประกันตัวจะเตรียมไว้เท่าไหร่นั้น ทางครอบครัวของ น.ส.พีชญา เป็นผู้ดำเนินการ

นายชูชาติ ยอมรับว่า ผู้ต้องหามีความเครียดอยู่แล้วเมื่อต้องโทษคดี ส่วนสีหน้าของผู้ต้องหาเป็นอย่างไรนั้น ตอบเพียงว่า เครียดอยู่แล้ว เครียดทุกคน ทนายความยังเครียดเลย

สืบจากข่าว รายงาน