.จากกรณีที่เป็นข่าวเรื่องราวของน.ส.พลอยนภัส อายุ 41 ปี เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.กรธัช อู๊ดเจริญ ผกก.สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ หลังจากถูกนายทุนเงินกู้รายใหญ่แห่ง อ.เมือง จ.ชลบุรี ทักแชทมาข่มขู่ว่าจะวางระเบิดตลอดจนจะขู่ฆ่าถ้าหากว่าไม่นำเงินที่กู้ไปมาคืน ทำให้เกิดความกลัวเจ้าหนี้เงินกู้ จึงพาสามีหนีตายมาหลบที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ เพราะไม่มีเงินจ่ายให้กับนายทุนคนดังกล่าวแล้ว
โดย น.ส.พลอยนภัส ยังกล่าวว่าแต่ก่อนตนเองทำงานกันทั้งสองคน และไปกู้เงินนอกระบบกับนายทุนคนหนึ่งจำนวน 40,000 บาท ดอกร้อยละ 15 บาทต่อเดือน ภายในเขตอำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี พอมีรายได้ก็ส่งให้กับนายทุนประจำไม่เคยขาด โดยหลังจากที่เกิดโควิด-19 ระบาด ทำให้ตนเองมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย มีบ้างก็ส่งไม่มีก็ไม่ได้ส่ง ทำให้นายทุนคนดังกล่าวไม่พอใจจึงทักแชทมาที่เฟซบุ๊กของตนเองโดยมีข้อความว่าจะมาระเบิดบ้านที่ จ.สุรินทร์ ในวันที่ 19 เม.ย.65 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทำให้ตนหวาดกลัวจึงเดินทางมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะนายทุนคนดังกล่าวบอกว่าไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ 18 เมษายน 65 เวลา 11.30 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางสาวปิยภาณี แซหย่ง อายุ 43 ปีผู้ที่ถูก 2 ผัวเมียอ้างว่าเป็นนายทุนเงินกู้ดอกโหดตามข่าวหรือสื่อโชเชียลต่างๆ
โดยนางสาวปิยภาณี ได้ออกมาโต้และแฉกลับ 2 ผัวเมียสุดแสบคือน.ส.พลอยนภัส อายุ 41 ปีและสามีก่อนหน้านี้ได้มาทำงานเป็นแม่บ้านในที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรี จึงได้รู้จักกันมาประมาณ5ปีและตนก็คอยช่วยเหลือมาตลอดและล่าสุดก่อนจะหนีได้ทักแชทไลน์มาขอยืมเงิน6หมื่นบาทตนจึงได้ไปเอากับพี่สาวคนที่สนิทกันมาให้เพราะเห็นบอกว่าต้องการเงินไปลงทุนจะเปิดร้านซักรีดที่เคลือสหพัฒน์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยจะไปเปิดกับอม่เลี้ยงของเขาต้องการใช้เงินด่วนหลังจากที่ได้คุยและตกลงกันตนก็ได้ไปหาเงินมาให้โดยโอนไป 4หมื่นบาทครั้งแรก3หมื่นบาทครั้งที่2อีก1หมื่นบาทรวม4หมื่นบาทจากนั้นก็ได้โทรมาขอเพิ่มอีก2หมื่นเพราะบอกกับตนว่าเงินไม่พอซื้อเตารีดขาดอีก2หมื่นตนก็รีบโอนไปให้ทันทีเพราะเชื่อใจและไว้ใจแต่พอให้ไปแล้วก็หายเงียบติดต่อไม่ได้โดนบล็อกทั้งเบอร์โทรศัพท์ทั้งไลน์ตนก็เลยแค็ปหลักฐานไว้ทั้งหมด
ตั้งแต่เดือน ก.ค.64 เป็นต้นมาตนก็ต้องแบกรับภาระทั้งหมดต้องหาใช้หนี้แทน 2ผัวเมียมาตจลอดเพราะติดต่อไม่ได้จนกระทั้งตนได้รู้มาว่า 2ผัวเมียได้หนีกลับบ้านที่ จ.สุรินทร์และได้ติดต่อไปอีกครั้งและสามารถติดต่อได้และได้ส่งแชทไปทวงถามเรื่องเงินก็ถูกหัวหมอเอาเรื่องกฎหมายเข้ามาอ้างว่าปล่อยเงินกู้โหดซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่ตามที่นางสาวพลอยนภัสให้ข่าวเลยเพราะตนก็ไปเอามาอีกทีเหมือนกันตอนนี้ก็ลำบากมาและทำตนเดือดร้อนอย่างหนักจึงได้ส้งข้อความไปบอกว่าจะลงไปหาที่ จ.สุรินทร์เพื่อจะเอาใบแจ้งความที่ สภ.เมืองชลบุรีไปทำสัญญาที่ สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เพื่อให้ทั้ง2ฝ่ายเซ็นรับทราบทำสัญญาคืนเงินเพราะตนก็เดือดร้อนต้องมาใช้หนี้แทนเพราะหลงกลไปหาเงินมาให้แล้วกลับถูกเชิดเงินหนีย้ายของหนีตอนกลางคืนโดยไม่บอกใครเลยแม้กระทั่งป้าใยที่ขายข้าวแกงก็ถูกยืมไปด้วย4.5หมื่นบาทเช่นกันและที่ให้ข่าว
เจ้าหนี้ตามขู่ฆ่าก็ใช่เรื่องจริงเพราะที่ตนบอกจะไปเพราะไปทำสัญญาคืนเงินที่เอาไปเท่านั้นไม่มีการขู่ไดๆทั้งสิ้น
ทางด้านป้าใย อายุ 62ปีแม่ค้าขายข้าวแกงและอาหารตามสั่งก็ได้เปิดเผยว่าตนก็ได้รู้จักกับนางสาวพลอยนภัสกับสามีมานานหลังมาทำงานเป็นแม่บ้านในอำเภอนี้ก็เคยช่วยเหลือและเคยให้ยืมเงินประจำแต่ไม่เยอะทุกครั้งก็คืนตรงและตามนัดตลอดแต่ก่อนจะหนีไปได้มายืมเงินกับตนอีกครั้งบอกเดือดร้อยรีบใช้เงินตนก็ได้ให้ยืมไปแบบไม่ได้คิดอะไรเพราะตั้งใจช่วยเหลือแต่พอได้เงินแล้ว2ผัวเมียกลับหนีหายไปเลยติดต่อไม่ได้ซึ่งเงินที่ยืมไปก็4.5หมื่นบาทเช่นกันได้พยายามโทรไปหาหลายครั้งก็ไม่รับสายและไม่มีการติดต่อกลับมาเลยเงินที่ให้ยืมไปก็เป็นเงินที่เก็บไว้ใช้ในชีวิตและต้องลงทุนซื้อของมาขายตอนนี้ยอมรับก็เดือดร้อนเช่นกันเพราะเงิน4.5หมื่นบาทสำหรับตนมากมายที่ให้เพราะอยากช่วยแต่ไม่น่ามาทำกันแบบนี้อยากให้ติดต่อกลับหาตนด้วยเพราะตนก็ต้องการเงินคืนด้วยเช่นกันไม่ใช่หนีหายไปแบบนี้
