4 พ.ย. 67 เวลา 13.00 น. ที่ บริเวณฟุตบาทหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. อี้แทนคุณ จิตต์อิสระ พร้อมคณะ เข้าพบ พงส.บก.ปอท.แจ้งความดำเนินคดีกับทนายธรรมราช ในความผิด พ.ร.บ.คอพ์ฯ ม. 14(1) นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพ์ฯ และ ม. 14(2) ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศฯ
อี้แทนคุณ กล่าวว่า จากการไลฟ์ผ่านแอพพลิเคชั่น tiktok เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลาประมาณ 19:00-21:00 น. ทนายธรรมราชได้มีการให้สัมภาษณ์กับทนายท่านหนึ่งมีใจความว่ามติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 13/2567 มติที่ 424/ 2567 เรื่องกรณีเชื่อมจิตโดยมีสาระสำคัญ การวินิจฉัยเรื่องการเชื่อมจิตว่าไม่มีในพระไตรปิฎกนั้นเป็นเพียงความเห็นของผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเพียงคนเดียว ไม่ได้เป็นมติมหาเถระมหาสมาคม โดยจงใจตัดตอนบิดเบือนความจริงถึงสาระสำคัญของมติดังกล่าว“
ด้าน ทนายธรรมราช สาระปัญญา เปิดเผยว่า วันนี้ (4 พ.ย.) ช่วงบ่ายตนไปตามที่ศาลจังหวัดสระแก้วนัด ในคดีที่ตนฟ้องประธานมูลนิธิต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ในข้อหาความผิดพรบ. คอมฯ และ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องเวลา 13.30 น. นอกจากนั้นแล้วที่ศาลจังหวัดสระแก้วตนยังได้ยื่นฟ้อง“อี้แทนคุณ”ในข้อหาความผิดพรบ. คอมพ์ฯ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งศาลจังหวัดสระแก้วได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 2 ธ.ค. 2567 ตนคิดว่าเหตุที่เขาไปร้องที่ บช.ก.ในวันนี้ ก็ด้วยมีสาเหตุโกรธเคืองกับตนเพราะว่าเป็นคู่ความในคดีที่ผมฟ้องเขาทั้งคู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ปลุกใช้กำลังทำร้ายทนายธรรมราชเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำให้เจ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรอำนวยการจุดสแกนใบหน้าประชาชนที่มาติดต่อราชการ ตรงทางเข้าศูนย์รับแจ้งความ บช.ก.แจ้งสื่อมวลชนว่า “ผู้บังคับบัญชา ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวในจุดนี้ครับ(หน้าตึกศูนย์รับแจ้งความ บช.ก.) และ พท.ในรั้ว บช.ก.ทั้งหมด”
นักข่าวจึงประสานนาย แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ที่จะเดินทางไปแจ้งความขอสัมภาษณ์ บนฟุตบาทถนรพหลโยธิน ทางเข้าด้านหน้า บช.ก.