วันที่ 29 พ.ย.67 นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ เปิดเผยถึงคดีที่ตนเองถูกกลุ่มคนทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดหน้าอาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.พหลโยธิน วันเกิดเหตุเขามา 3 คน แต่ตำรวจดำเนินคดี 2 คน ตาม ป.อาญา มาตรา 295
(มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ในคดีอาญาคนแรกที่เข้ามาใช้ฝ่ามือตบใบหน้าตนให้การรับสารภาพ คนที่สองที่เข้ามาล็อคคอให้การปฏิเสธ
เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.)ได้มีการไตร่สวนศาลแพ่งแล้ว ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 ธ.ค.67 เวลา 09.00 น. ตนเรียกค่าเสียหายตามมาตรา 44/1
ปกติแล้วความผิดตาม ม.295 นั้นถ้าผู้ต้องหารับสารภาพก็จะพิพากษาในวันนั้นเลย แต่ในคดีนี้ตนได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมด้วย ตามมาตรา 44/1 ได้ขอให้ศาลอย่าเพิ่งพิพากษาในวันนั้น เพื่อที่ตนจะได้นำพยานหลักฐานที่เป็นภาพถ่าย ให้เห็นพฤติการณ์ แวดล้อม เหตุและผลไปประกอบสำนวนเข้าไปสืบเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรง และไม่ต้องการให้ใครเอากรณีนี้เป็นเยี่ยงอย่าง มาทำร้ายกันออกสื่อฯ เพื่อ 1.ต้องการให้บาดเจ็บ 2.ต้องการให้ได้รับความอับอาย ไม่อยากเห็นพฤติการณ์เลียนแบบ ตนอยากเห็นศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา กรณีนี้ไม่ใช่เป็นการตีกันตามงานวัดที่ต่างฝ่ายต่างเขม็นกันอาจจะบันดาลโทสะได้ แต่อันนี้ตนมาเห็นว่าเจตนาต้องการให้เกิดความเสื่อมเสีย ต้องการโชว์ว่าตนสามารถไปทำร้ายคนที่เห็นต่างออกสื่อฯ ได้ ความเห็นของตนที่ไม่ก้าวล่วงศาล แต่เห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างและได้รับการรอการลงโทษ