วันนี้ (3 พ.ย 67) เวลา 11.20 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. ร่วมแถลงการเปิดปฏิบัติการ CYBER GURADIAN ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ในความผิดฐาน มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริตหรือหลอกลวง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดวามเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” และยึดทรัพย์ได้กว่า 80 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนกรณีผู้เสียหายถูกคนร้ายหลอกลวงให้โอนเงินลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในเพจเฟสบุ๊กปลอมที่แนะนำการเทรดหุ้นทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้คนร้ายจำนวนหลายครั้ง รวมความเสียหายมูลค่า 3,800,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ดำเนินการสืบสวนตรวจสอบข้อมูลทราบว่า มีการเปลี่ยนสภาพเงินเป็นคริปโตเคอร์เรนซี่ (USDT) ผ่านแพลตฟอร์ม Binance แล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ และสืบค้นพบว่าเงินถูกแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บ้านหรู, คอนโดมีเนียม, โฉนดที่ดิน และรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการทำธุรกรรมข้ามประเทศ และคาดว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายฟอกเงิน
ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ได้ขอหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ต่อศาลอาญา และศาลได้อนุญาตหมายจับ ผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย โดยในห้วงวันที่ 11-13 พ.ย. 67 ได้มีการเปิดปฏิบัติการ CyberGuardian ดำเนินการเข้าตรวจ ค้นจับกุมและยึดทรัพย์สิน รวม 7 จุดทั่วประเทศ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, จ.ตาก, จ.สงขลา และ กทม ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 8 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินได้แก่ บ้านหรูราคา 27 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบความเชื่อมโยงของกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ใช้รับผลประโยชน์จากการรับโอนเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ ที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายในคดีนี้ มีความเกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆ ที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้ลงทุนและมีการแจ้งความไว้แล้วหลายราย โดยจากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ถูกโอนมายังกระเป๋าเงินดิจิทัลในคดีนี้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท และเป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ติดกับ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว