“…วัชระ แฉ กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์ ชั้น 14 มีทั้งระดับรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดย ป.ป.ช.ลงมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดแล้ว และให้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลและดำเนินคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่กลับมีไอ้โม่ง ชื่อย่อ “ว” แจ้งให้เปลี่ยนเรื่องเป็นให้ยุติการสอบสวน เพราะกรณีไม่มีมูลความผิด แต่คณะกรรมการไต่สวนไม่ยอม และจะส่งรายงานการตรวจสอบไต่สวนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เปิดแผลชี้มูล 2 ประเด็นใหญ่ เดินหน้าขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ตรวจสอบกรรมการคนดังกล่าวต่อไป…”
ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี : วันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ายืนหนังสือ ต่อ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ท่านใดก้าวก่ายแทรกแซงคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีชั้น ๑๔ นช.ทักษิณ ชินวัตร ส่อว่าฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือไม่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่
โดยนายวัชระ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนมาทำหน้าที่ในฐานะประชาชน และในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นร้องเรียนให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับพวก มีพฤติการณ์หรือกระทำผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการหรือนักการเมือง และกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นกรณีที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยและอยู่ในความสนใจของสาธารณชน ตามที่สื่อมวลชนสำนักต่างๆ ได้เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น
ทั้งนี้เนื่องจากสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกรณีสำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ว่า ฝ่ายตรวจสอบไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะกรรมการไต่สวน ได้เสนอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์ ชั้น 14 มีทั้งระดับรัฐมนตรีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยลงมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดแล้ว และให้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลและดำเนินคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
แต่ในขณะเดียวกันก็มีไอ้โม่ง ชื่อย่อ “ว” แจ้งให้เปลี่ยนเรื่องเป็นให้ยุติการสอบสวน เพราะกรณีไม่มีมูลความผิด แต่คณะกรรมการไต่สวนไม่ยอม และจะส่งรายงานการตรวจสอบไต่สวนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่นั้น ดังปรากฏรายละเอียดตามเอกสารแนบหนังสือร้องเรียนของตน ต่อ ป.ป.ช.
ตนในฐานะผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าว จึงขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ท่านหนึ่งท่านใด มีพฤติการณ์ส่อว่ากระทำการผิดกฎหมายและจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ จากกรณีดังนี้
1.ข้อเท็จจริงที่ 1 ตามที่มีข่าวปรากฏทั่วไปว่ามีกรรมการ ป.ป.ช. ไปก้าวก่ายแทรกแซงการวินิจฉัยคดีของคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ ขอให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการสอบว่าจริงหรือไม่ ว่ามีกรรมการ ป.ป.ช. ท่านใดไปกระทำการดังกล่าว ขอให้สอบว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือกฎหมายใด หรือฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 หรือไม่
และ 2.ข้อเท็จจริงที่ 2 มีข่าวว่ากรรมการ ป.ป.ช. ท่านหนึ่ง เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เหตุเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2556 ได้เดินทางไปที่อาคารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อไปพบบุคคลผู้มีอำนาจในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และพูดฝากบุตรสาวของตนให้ทำงานที่ ปตท. ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ทำงานที่ ปตท.จริง เป็นการกระทำผลประโยชน์ทับซ้อน ผิดประมวลจริยธรรมข้าราชการ ป.ป.ช.หรือไม่ ผิดประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่