วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 19, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจไซเบอร์จับสาวแสบแก๊งตุ๋นข้าราชการบำนาญกดลิงก์ ล่อด้วยเงินบำเหน็จหลักแสน สูบเงินเกลี้ยงบัญชีกว่า 4 ล้านบาท

Related Posts

ตำรวจไซเบอร์จับสาวแสบแก๊งตุ๋นข้าราชการบำนาญกดลิงก์ ล่อด้วยเงินบำเหน็จหลักแสน สูบเงินเกลี้ยงบัญชีกว่า 4 ล้านบาท

ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์  มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร.
ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อสามารถติดตามทรัพย์สินที่หลอกลวงไปกลับมาเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นข้าราชการบำนาญ อายุ 65 ปี แจ้งว่ามีคนร้ายแอบอ้างเป็นเป็นเจ้าหน้าที่ของสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ติดต่อมาเพื่อแจ้งสิทธิในการขอรับเงินบำเหน็จดำรงชีพผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยจะได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพ จำนวน 200,000 บาท แต่ต้องเข้าไปกรอกข้อมูลยืนยันสิทธิเพื่อขอรับเงินก่อน

จากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์มาให้ทางข้อความ เมื่อกดเข้าไปที่ลิงก์ดังกล่าวพบว่าเป็นไลน์ของกรมบัญชีกลาง จึงเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คนร้ายแนะนำ และให้ทำการแสกนใบหน้าจำนวนหลายครั้ง จากนั้นคนร้ายให้เดินทางไปยืนยันตัวตนเพื่อรับเงินบำเหน็จดำรงชีพหน้าตู้เอทีเอ็ม จึงเดินทางไปที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารแล้วเสียบบัตรประจำตัวประชาชนและทำการแสกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตนผ่านตู้เอทีเอ็ม เมื่อยื่นยันตัวตนเสร็จแล้ว พบว่าไม่ได้รับเงินบำนาญตามที่คนร้ายบอก และพบว่าเงินในบัญชีถูกโอนออกไปกว่า 4 ล้านบาท

ต่อมา พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจับกุมขบวนการดังกล่าวตั้งแต่ระดับบัญชีม้าแถวแรก ไปจนถึงระดับผู้บงการ จนทราบตัวหนึ่งในขบวนการ โดยเป็นเจ้าของบัญชีปลายทาง ที่เงินของผู้เสียหายถูกโอนออกไป จึงทำการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ศาลออกหมายจับ

กระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 17 ธ.ค. 67 พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับเข้าควบคุมตัว น.ส.พัชราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 30 ปี ชาวสระแก้ว โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน , ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง , ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน , ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือคามผิดทางอาญาอื่นใด” จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ชุดสืบสวนทำการสืบสวนขยายผลกับคดีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts