เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่จังหวัด น. ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำทุจริต โดยรับเงินรายได้ของสำนักงานสรรพากร สาขา พ. ไว้แล้ว ไม่ดำเนินการนำเงินดังกล่าวส่งคลังหรือไม่นำฝากเข้าบัญชีธนาคาร แต่ได้มีการเบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตน และได้ดำเนินการปลอมเอกสาร รวมทั้งจัดทำหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อเป็นการปกปิดความผิด ทำให้กรมสรรพากรได้รับความเสียหาย รวม 4,424,552.01 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวในคราวประชุมครั้งที่ 15/2565 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลความผิดว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 และมาตรา 91 และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1)
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 145/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 33/2567 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม), 161 (เดิม) จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 123 กระทง จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 246 ปี 738 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และให้จำเลยใช้เงิน 2,214,253.61 บาท แก่กรมสรรพากร ผู้เสียหาย
พนักงานอัยการ พิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องชอบแล้ว เห็นควรไม่อุทธรณ์
คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 แล้ว มีมติเห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ตามความเห็นของพนักงานอัยการ