วันเสาร์, ธันวาคม 28, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมสืบนครบาลรวบ “สมโคลท์ พันกระบอก” จำหน่ายอาวุธปืนทางโลกโซเชียลในช่วงเทศกาลปีใหม่

Related Posts

สืบนครบาลรวบ “สมโคลท์ พันกระบอก” จำหน่ายอาวุธปืนทางโลกโซเชียลในช่วงเทศกาลปีใหม่

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.มีนโยบายปราบปรามอาวุธปืน โดยเฉพาะทางโลกออนไลน์เพื่อป้องกันเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ โดย ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ตรวจพบนักค้าปืนเถื่อนเลื่องชื่อ “สมโคลท์ พันกระบอก” ภายใน 1 ปี ขายปืนเถื่อนกว่า 1,000 กระบอก กระจายทั่วประเทศ คนร้ายรู้ช่องทางในวงการค้าปืนเถือนเป็นอย่างดี ทำตัวไร้ร่องรอย พกอาวุธปืนข้างกายตลอดเวลา การเข้าจับกุมคาดว่าจะมีอันตรายพร้อมบวก จึงรายงานให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. (สส) สั่ง น.1 ลงดาบใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด “สมโคลท์ พันกระบอก” ล่าสุดถูกทีมสารวัตรแจ๊ะ สารวัตรพงษ์ บุกจับแบบฉับพลัน แท็กทีมรวบคนร้ายลงพื้นแบบไม่ทันตั้งตัว จนปัสสาวะราดกางเกง


เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 ผลการปฏิบัติโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี ,พ.ต.ท.นิธิ ปิยพันธ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ,พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.นุรุต ฐิติชรัล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2 บก.อก.สทส. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายจิรวัฒน์ หรือ “สมโคลท์” อายุ 48 ปี ภูมิลำเนา ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาโดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณโดยไม่มีเหตุสมควร”

.
ตรวจยึดของกลาง จำนวน 3 รายการ
1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก (บรรจุกล่องพัสดุพร้อมส่ง)
2.อุปกรณ์ส่วนควบปืนหลายรายการ
3.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง (พบข้อมูลการซื้อขายปืนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กระบอก)
จับกุมตัวได้ที่ ตลาดหนองหญ้าไซ ต.หนองหญ้าไซ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี

.
พฤติการณ์กล่าวคือ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. สั่งลงดาบ “สมโคลท์พันกระบอก” นักค้าปืนเถื่อนตัวเป้ง ต้นตอปืนเถื่อนทะลักไปทั่วประเทศ ต้นเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะตัวคนร้าย “ไร้หมายจับ” ไปมาไร้ร่องรอยก่อเหตุแยบยล มีนโยบายให้จับคนร้ายให้ได้ น.1 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. จึงได้มอบหมายให้ทีมสืบนครบาล นำโดย “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดพระกาฬ โดยมี พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือ นำกำลังชุดสืบนครบาลลงพื้นที่จนทราบว่าคนร้ายวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี ตระเวนค้าปืนเถื่อนมาแรมปีหลายสิบกระบอกต่อวัน โดยมีพยานผู้พบเห็นได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าคนร้ายมีท่าทีระแวดระวังตัวและ “พกปืนเหน็บเอวตลอดเวลา” ชุดพระกาฬของสืบนครบาล 20 นาย ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามจับกุม โดยลาดตระเวนหาตัวคนร้ายทั่วพื้นที่ กว่า 3 วัน กระทั่งวันที่ 26 ธ.ค. 67 เวลา 10.00 น. ชุดสืบสวนได้พบกับคนร้ายตัวเป็นๆ ครั้งแรกที่ จ.อุทัยธานี แต่เนื่องด้วยคนร้ายไม่มีหมายจับ จึงต้องรอให้มันกระทำผิดเท่านั้น ปฏิบัติการ “หมาล่าเนื้อ” จึงได้เริ่มต้นขึ้นโดยชุดสืบนครบาลต้องติดตามสะกดรอยคนร้ายข้ามจังหวัดมาจนถึง อ.หนองหญ้าไทร จ.สุพรรณบุรี จู่ๆ คนร้ายได้หายไปดื้อๆ แต่ต่อมาชุดสืบสวนก็พบว่า คนร้ายแอบจอดรถในมุมอับก่อนถือกล่องพัสดุย่องไปที่ร้านพัสดุใกล้ตลาด แม้จะได้กลิ่นตุตุแต่ชุดสืบก็ยังต้อง “วัดดวง” ว่าคนร้ายจะส่งสิ่งผิดกฏหมายหรือไม่ จังหวะวัดใจเกิดขึ้น หลังคนร้ายส่งพัสดุให้ร้านและกำลังย่องหนี ท่าทีระแวดระวังของคนร้ายกระตุกสัญชาตญาณชุดสืบสวนว่ามันจะต้องเป็นปืนเถื่อนแน่ๆ ทีมสืบฯ ตัดสินใจพุ่งเข้าปะทะกับคนร้ายแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “สารวัตรแจ๊ะ” ใช้ทักษะนักรักบี้ แท็กรวบตัวคนร้ายลงพื้นอย่างเต็มแรง จนปัสสาวะราดกางเกง ก่อนตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอก และจากการขยายผลก็พบข้อมูลที่น่าตกใจ คือคนร้ายรายนี้ “ขายปืนเถื่อนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1พันกระบอก” ในห้วงเวลาเพียง 1 ปีที่ผ่านมา
.
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ปี 2553 ตนถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 10,000 เม็ด ติดคุกอยู่ 10 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาปี 2563 หางานทำไม่ได้ รู้สึกว่าโลกพัฒนาไปเยอะจนตามไม่ทัน แต่ตนมีความชอบเรื่องปืนเป็นส่วนตัวตั้งแต่วัยรุ่นอยู่แล้ว จึงหากลุ่มเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องปืน เมื่อพูดคุยกับเพื่อนแล้ว มีความรู้สึกว่าอาวุธปืนเป็นสิ่งที่คนต้องการ แล้วก็รู้สึกว่าอาวุธหาง่ายกว่าก่อนตนจะติดคุก จึงเห็นช่องทางหารายได้โดยการขายปืน เริ่มแรกเริ่มรับมาขายให้คนรู้จักได้กำไรกระบอกละ 1,000-5,000 บาท จากนั้นตนก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการปืน ในฉายา “สม โค๊ว ซุปเปอร์ (380)” และตนภูมิใจกับชื่อนี้มาก โดยมีกลุ่มวัยรุ่นติดต่อขอซื้อปืนจำนวนมาก มีราคาตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท ตนขายมาแล้วมากกว่า 1,000 กระบอก ทำให้มีรายได้หลายแสนบาท ที่เล็ดรอดหลบหลีกการสืบของเจ้าหน้าที่เพราะตนเป็นคนขี้ระแวง ตั้งแต่พ้นโทษมาก็มีประสบการณ์มากขึ้น จึงไม่มีใครจับตนได้ โดยช่วงนี้ที่ถูกจับกุมตนเองทราบว่าเป็นห้วงระดมเรื่องอาวุธปืน จึงไม่ได้เดินแรง ตนเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมาถูกจับกุมในกระบอกสุดท้ายที่ค้างสต็อกนี้ ส่วนน้ำที่เป้ากางเกงคือปัสสาวะ เนื่องจากตกใจจากการชาร์จรวบตัวของเจ้าหน้าที่”
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการสืบสวนในห้วงเวลาเพียง 1 ปีที่ผ่านมา คนร้ายรายนี้ส่งขายปืนเถื่อนไปทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 1,000 กระบอก จนเป็นที่รู้จักอย่างดีในวงการนักค้าปืนเถื่อน ถือได้ว่าเป็นต้นต่ออาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้น และที่น่ากลัวเห็นจะเป็นประสบการณ์และทักษะของคนร้ายรายนี้ ที่สามารถตัดช่องทางการสืบสวนได้อย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถลอยนวลไร้หมายจับมาจนถึงปัจจุบัน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบคนร้ายรายนี้ จนเราต้องระดมกำลังหลายนายในการไล่ล่าติดตามคนร้ายรายนี้ จนสามารถจับกุมได้ในที่สุด และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท”


หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวคนร้ายพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts