นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) กรณีร้องเรียนว่าพนักงานบริการในสถานบริการไม่ได้รับเงินเยียวยาผู้ประกันตน โดยไม่สามารถขอรับการเยียวยาได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านคุณสมบัติและลักษณะการทำงานที่ต้องมีการรับรองจากสมาคมหรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง
จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวปรากฏว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานบันเทิงและกลุ่มพนักงานบริการในกิจการดังกล่าว จึงดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชดเชยผู้ได้รับผลกระทบสำหรับกลุ่มแรงงานในสถานบันเทิงเป็นการเฉพาะตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในอัตรา 5,000 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระ ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทยภายในระยะเวลาที่กำหนด และต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ก่อน ส่งผลให้พนักงานบริการในกิจการสถานบันเทิงที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้รับการเยียวยาตามโครงการดังกล่าว อันส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงการเยียวยาซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐทุกคนจะต้องได้รับบนพื้นฐานโอกาสที่เท่าเทียมกัน
ด้วยเหตุนี้ กสม. จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยัง ครม. ในกรณีที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยใด ๆ เช่น โรคระบาด ให้ ครม. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยา ให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ และให้มอบหมายกระทรวงแรงงานศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาแรงงานในกิจการสถานบริการและจัดทำกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพการทำงานและการจ้างงาน เพื่อคุ้มครองแรงงานในกิจการดังกล่าวเป็นการเฉพาะในลักษณะเดียวกับกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานที่รับไปทำที่บ้าน พ.ศ.2547 และกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. 2557 รวมถึงให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงานและการประกันสังคมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ให้กระทรวงแรงงานกำหนดนโยบายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานประกันสังคมมีมาตรการควบคุม กำกับและติดตามให้สถานบริการที่มีลักษณะการจ้างงานพนักงานบริการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างครบถ้วน เพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงาน รวมถึงการประกันสังคม