วันพุธ, มกราคม 8, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมกลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกไปทำงานออสเตรเลีย แจ้งความปคม. หลังถูกเทสนามบิน สุวรรณภูมิ ด้านผู้ก่อเหตุอ้างเอกสารทางแพทย์ไม่ผ่าน

Related Posts

กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกไปทำงานออสเตรเลีย แจ้งความปคม. หลังถูกเทสนามบิน สุวรรณภูมิ ด้านผู้ก่อเหตุอ้างเอกสารทางแพทย์ไม่ผ่าน

กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกไปทำงานออสเตรเลีย แจ้งความปคม. หลังถูกเทสนามบิน สุวรรณภูมิ ด้านผู้ก่อเหตุอ้างเอกสารทางแพทย์ไม่ผ่าน ก่อนถูกลอยแพทิ้งพาสปอร์ตไว้บ้านย่านบางนา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายณรงค์ชัย พนาจันทร์ อายุ 42 ปี อาชีพค้าขายก๋วยเตี๋ยว พร้อมผู้เสียหายประมาณเกือบ 50 ราย ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 250 ราย เข้าแจ้งความเอาผิด น.ส.ออย หลังถูกหลอกโอนเงินอ้างจะพาไปทำงานประเทศออสเตรเลีย รวมมูลค่าความเสียหาย 12 ล้านบาท

นายณรงค์ชัย เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มพวกตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ออย หลังถูกหลอกลวงชักชวนไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตัวน.ส.ออยอ้างว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียที่ประเทศไทย สามารถนำคนไปทำงานที่ ออสเตรเลียได้ เพราะว่ามีช่องทางและมีโควตา จากนั้นก็มีการชักชวนกันปากต่อปาก โดยอาชีพที่น.ส.ออยอ้างว่าจะพาไปทำงานนั้นประกอบด้วย เกษตร พนักงานโรงแรม และเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร โดยตนจะไปทำงานที่ร้านอาหาร จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท โดยจะเก็บครั้งแรก 60,000 บาท ส่วนที่เหลือจะถูกหักจากเงินเดือนหลังไปทำงานเดือนละ 10,000 บาทจนครบ แต่ละอาชีพจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน เพราะน้องชายของตนที่จะไปทำอาชีพเกษตรที่ไร่สตอเบอรี่และมะเขือเทศมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 บาท ซึ่งภายหลังการโอนเงินแล้วหนึ่งสัปดาห์ ก็จะมีการทำเอกสารสัญญาจ้าง 5 ปี กับ 10 ปี โดยทุกคนก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของน.ส.ออย ซึ่งทุกคนก็มีหลักฐานการโอนเงินดังกล่าว

นอกจากนี้ทุกคนยังนำพาสปอร์ตส่งให้ น.ส.ออย เก็บไว้ โดยน.ส.ออยอ้างว่าจะจัดการทุกอย่างให้ รวมไปถึงเรื่องวีซ่าด้วย ซึ่งการนัดหมายที่จะบินนั้นคือวันที่ 4 ม.ค. แต่ทางแรงงานทั้งหมดที่หลงเชื่อเดินทางไปพักใกล้ๆสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. โดย น.ส.ออย เปิดโรงแรมให้แรงงานทั้งหมด 250 คนพัก 1 คืน เพื่อไปตรวจยืนยันสุขภาพว่าเป็นโรคติดต่ออหิวาตกโรค แต่เมื่อถึงวันที่นัดกันจะบินน.ส.ออย ก็เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิและอ้างว่า เอกสารการแพทย์ยังไม่พร้อมรอการยืนยันตอบรับจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะสามารถเดินทางได้อีกครั้งในวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งน.ส.ออย อ้างว่าในวันนี้ 6 ธ.ค. จะนำเอกสารวีซ่าทั้งหมดมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่กองบังคับการปราบปราม แต่ล่าสุดก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งทางกลุ่มตน มองว่าพฤติกรรมของน.ส.ออยเข้าข่ายหลอกลวงทำให้ตัดสินใจยกเลิกไม่ไปทำงานพร้อมขอเงินคืน

อีกทั้ง น.ส.ออย ยังได้อ้างว่าตนเองได้นำเงินทั้งหมดโอนไปให้ น.ส.ฟ้า ที่อ้างตัวว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียเช่นกัน ซึ่งแต่เกิดเรื่องทางกลุ่มตนก็ไม่เคยพบตัวน.ส.ฟ้า เลยทำให้ไม่ทราบว่าน.ส.ฟ้ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่

ขณะที่น.ส.น้อย หนึ่งในผู้เสียหาย ได้วิดีโอคอลไปหานายนุ ซึ่งเป็นน้าของน.ส.ออย ผู้ก่อเหตุ ที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกมาเช่นกัน ว่า นายนุได้ไปพักแถวบ้านของน.ส.ออย เพราะเชื่อจนวินาทีสุดท้ายว่าพาสปอร์ตมีอยู่จริง และจะได้บินในวันที่ 10 ม.ค. แต่ภายหลังที่ทราบว่า น.ส.ออยได้ขับรถออกจากบ้านพักย่านบางนาตั้งแต่ช่วงเช้า นายนุจึงได้เข้าไปที่บ้านของน.ส.ออย และพบว่าน.ส.ออยกับครอบครัวไม่อยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าจะมาที่กองบังคับการปราบปรามพร้อมกัน แต่เกิดความสงสัยจึงได้เข้าภายในบ้านพบพาสปอร์ตกองอยู่จำนวนหนึ่ง จึงจะนำพาสปอร์ตดังกล่าวมาที่กองบังคับการปราบปรามในวันนี้

ส่วนตอนนี้ น.ส.ออย อยู่ที่ไหนนั้น ตนเองไม่ทราบ โทรไปก็ไม่รับ และไม่ทราบอีกว่าน.ส.ออยมีครอบครัวคนอื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่ได้สนิทกัน พึ่งมารู้จักตอนนำเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน และเดินเรื่องไปที่ออสเตรเลีย และเก็บค่าใช้จ่าย และพูดชักชวนกันปากต่อปาก จึงเกิดความหลงเชื่อกันทุกคน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานได้เดินทางมาประสานพนักงานสอบสวน บก.ปคม.เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินคดีครั้งนี้

นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุ โดยจะมีการทำงานร่วมกับตำรวจ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อจริงนางสาวออยแน่ชัด แต่พอมีข้อมูลบ้างแล้ว ยืนยันว่าบริษัทของน.ส.ออยไม่มีการจดทะเบียนกับกรมการจัดหางานแต่อย่างใด แต่หากตรวจสอบแล้วมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการร่วมกันหลอกลวงคนไปทำงานในต่างประเทศก็จะถูกดำเนินคดีในทุกราย อีกทั้งปัญหาในการถูกหลอกลวงมีหลากหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับกรณีนี้คาดใช้เวลาไม่นานเพราะตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆจากผู้เสียหาย เมื่อรวบรวมได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วก็จะดำเนินการตรวจสอบและก็จะดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

โดยปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อนได้ทั้งหมด 452 คน ซึ่งคนไทยถูกหลอก 608 คน รวม 26 ประเทศ

พร้อมฝากหากผู้ที่ประสงค์จะทำงานต่างประเทศ ขอให้ตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนจ่ายเงินโดยสามารถตรวจสอบได้ทั้งชื่อบริษัทและประเทศที่จะไปรวมไปถึงบุคคลที่เป็นนายหน้าได้กับกรมการจัดหางาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts