เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ม.ค 68 ที่หน้าแดนเนรมิต ริมฟุตบาท นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พานายกฤษฎา อินทบาล อายุ 36 ปี พร้อมน.ส.วิมล ฤทธิ์เดช อายุ 40 ปี ภรรยา ชาวจังหวัดปทุมธานี ร้องกองปราบฯ โดนรถชนเมื่อ 15 ก.ย.67 รถที่ขับเป็นรถมอเตอร์ไซค์มีสินค้าประมาณ 6,000 บาท เสียหาย คนที่มาชนเป็นรถกระบะ บริเวณที่เกิดเหตุหน้าแม็คโครรังสิต ไม่รับผิดชอบคนเจ็บ ผ่านมาหลายเดือน แจ้งความที่ สภ.ประตูน้ำจุฬา คดีไม่คืบหน้า ตำรวจให้เจรจากันเอง จนปัจจุบันยังไม่มีการไกล่เกลี่ยใดๆ และได้รับบาดเจ็บ ต้องพักรักษาตัวนานและทำให้ขาดรายได้ในการใช้จ่าย เลยมาร้องจ่าคิงส์ ให้พามา ขอความเป็นธรรมที่กองปราบ เพราะตำรวจไม่ดำเนินการเรื่องคดีผ่านมานานแล้ว
น.ส.วิมล ฤทธิ์เดช ภรรยา เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ช่วงประมาณ 05.00 น. ผู้เสียหายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของจำพวกกับข้าวและของสดบริเวณตลาดสี่มุมเมือง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรังสิต จ.ปทุมธานี รถของสามีก็ได้จอดเนื่องจากมีอุบัติเหตุบริเวณด้านหน้า ปรากฏว่าถูกรถกระบะคู่กรณีขับมาด้วยความรวดเร็วพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ของสามี จนร่างของสามีไถลไปกับถนน แล้วเกือบถูกรถกระบะคู่กรณีขับเหยียบซ้ำ แต่ก็สามารถคลานหนีออกมาได้ ทำให้สามีได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย เป็นแผลฟกช้ำและถลอกบริเวณข้อศอก ขาและหลัง จนกล้ามเนื้อช้ำไม่สามารถงอแขนและขาได้ รวมทั้งมีอาการขาชาแขนชา นอกจากนี้ยังมีอาการศรีษะบวมด้วย ต้องพักรักษาอย่างน้อย 20-21 วัน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวขาดรายได้เป็นอย่างมาก โดยรวมค่ารักษาพยาบาลประมาณ 7,000 บาท
ส่วนฝั่งคู่กรณีนั้น เบื้องต้นจากการพูดคุยอ้างว่าจะรับผิดชอบชดใช้เยียวยาค่ารักษาพยาบาลและค่าเยียวยาส่วนอื่น ๆ ทั้งหมด แต่ตอนหลังพอนำบิลค่ารักษาพยาบาลไปเรียกเก็บจากคู่กรณี ปรากฏว่าคู่กรณีไม่จ่ายให้ โดยอ้างว่า หากอยากได้ค่ารักษาพยาบาลและค่าเยียวยา ให้ไปฟ้องร้องทางแพ่งเอาเอง เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตนกับคู่กรณีได้นัดพูดคุยกันอีกครั้งที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แต่ฝั่งคู่กรณีก็ยังไม่รับผิดชอบเยียวยา อ้างว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ 3,000 จะเอาไหม ตนก็เลยปฏิเสธไป นอกจากนี้ ฝั่งคู่กรณีเองขาดการต่อภาษีทะเบียนรถ เลยทำให้ประกันฝั่งคู่กรณีไม่สามารถเยียวยาได้
ส่วนฝั่งตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ นั้นก็บ่ายเบี่ยงที่จะทำคดี อ้างว่าให้ไปพูดคุยเจรจาให้แล้วเสร็จ เรื่องจะได้จบ แต่ในส่วนคดีอาญานั้น ไม่ดำเนินการออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปสำนวนคดีแต่อย่างใด จึงตัดสินใจมาร้องเรียนกับกองปราบปราม เพราะนอกจากอยากให้คดีความทางอาญามีความคืบหน้าแล้ว ก็อยากเรียกร้องให้ฟังผู้เสียหายชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งสรุปรวมแล้วมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 6-7 หมื่นบาท โชคดีที่ในส่วนของรถจักรยานยนต์มีประกันคุ้มครองและชดเชยค่าซ่อมแซมให้
หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ได้แนะนำ ผสห.ว่าคดีแบบนี้ควรเจรจากัน ก่อนจะโทร.ประสานไปทาง พงส.สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เจ้าของคดีให้เรียกคู่กรณีมาเจรจาว่าจะสามารถช่วยเหลือ ผสห.ได้เพียงใด หากยังไม่เป็นที่พอใจก็จะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง