ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.รรท.ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล, พ.ต.ท.ประภาส วังงาม, พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว. กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันตรวจค้น 5 จุด ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
พฤติการณ์ ตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่สนับสนุนให้ประเทศไทยใช้บริการคริปโทเคอร์เรนซีในการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มทดลองใช้ในปี 2568 บก.ปอศ. ได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการลักลอบทำธุรกิจนอกระบบ จึงได้มีการสืบสวนและตรวจสอบผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.3 บก.ปอศ. ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลชาวจีนที่มีการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มจีนเทา เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบบริษัท โดยมีการถือครองทรัพย์สินในนามนิติบุคคล ซึ่งนิติบุคคลเหล่านี้ให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและจัดแพ็กเกจ โดยหลังจากการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะมีการปล่อยเช่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาพักอาศัยในประเทศไทย โดยรับชำระค่าบริการผ่านหลายรูปแบบ เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล (USDT), สกุลเงินต่างประเทศ หรือเงินสด
ในการดำเนินการภายใต้ปฏิบัติการ “ทลายมังกรเทาชลบุรี Operation Dragon Slayer” พบว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนพักอาศัยอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกตรวจสอบ และยังพบบ้านพลูวิลล่าที่กลุ่มชาวจีนซื้อมาเพื่อปรับปรุงเป็นธุรกิจเช่าท่องเที่ยว มูลค่าบริษัทรวมอยู่ที่กว่า 20 ล้านบาท จากการตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคลให้กับกลุ่มชาวจีน พบว่าเบื้องต้นมีการจดทะเบียนนิติบุคคลในลักษณะดังกล่าวทั้งหมดกว่า 40 แห่งในจังหวัดชลบุรี จึงได้มีการตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเตรียมขยายผลในการดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำผิดต่อไป
เตือนภัย บก.ปอศ. ขอแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้สนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาแสวงผลประโยชน์ในประเทศไทย โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งอาจทำให้มีความผิดตามกฎหมายที่มีโทษทั้งจำคุกและปรับ สำหรับผู้ที่ขอจดทะเบียนโดยไม่ได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าบุคคลที่รับรองจริง หากบุคคลนั้นให้การรับรองว่า “ผู้ขอจดทะเบียนได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าจริง” จะทำให้ลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนไม่ถูกต้อง และการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ที่เกี่ยวกับการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน
นอกจากนี้ ผู้ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจจากทาง ก.ล.ต. เนื่องจากหากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต จะเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.ก.การประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 08 5828 9599