ในวันที่ 5 มีนาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอน กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ซึ่งออกตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน 2515 เกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน โดยศาลเห็นว่า กฎดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก รวมถึงเป็นการจำกัดเสรีภาพในร่างกายเกินสมควร
กฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดให้นักเรียนชายห้ามดัดผมหรือไว้ผมยาวเกินตีนผม ส่วนนักเรียนหญิงห้ามไว้ผมยาวเลยต้นคอ และห้ามใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งปลอมเพื่อเสริมสวย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นพลเมืองดี มีความรู้ ความคิด และคุณธรรม พร้อมรับมรดกจากผู้ใหญ่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
อย่างไรก็ดี ศาลปกครองสูงสุดชี้ว่า กฎดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบันและพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะในยุคที่ความหลากหลายทางอัตลักษณ์และบุคลิกภาพของเด็กได้รับการยอมรับมากขึ้น ศาลเห็นว่า การบังคับใช้กฎนี้อย่างเคร่งครัดอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งขัดกับหลักการของ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ที่เน้นการคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
ศาลยังระบุด้วยว่า กฎกระทรวงดังกล่าวขัดกับ มาตรา 26 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการตรากฎหมายที่จำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควร และกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
แม้ว่ากฎกระทรวงฉบับนี้จะถูกเพิกถอนแล้ว แต่โรงเรียนหรือสถานศึกษายังสามารถกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกายและทรงผมของนักเรียนได้ โดยต้องคำนึงถึงหลักการเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก และสอดคล้องกับพัฒนาการทางอัตลักษณ์และบุคลิกภาพของนักเรียนแต่ละคน
คำพิพากษานี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ในการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของนักเรียน ตลอดจนการเคารพในความหลากหลายทางอัตลักษณ์และบุคลิกภาพของเด็กในสังคมยุคใหม่



