เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พร้อมทีมงานได้เข้าช่วยเหลือเหยื่อสาวชาวลาว หลังสามีคนไทยของเธอแจ้งว่าภรรยาถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า และมีผู้หญิง 1 คน รวม 7 คน ดักรอทำร้ายจนหน้าเบี้ยวผิดรูป และใช้มีดกรีดหน้าซ้ำ พร้อมกับปล้นทรัพย์สินไปทั้งหมด ประกอบด้วย เงินสด 7,000 บาท พาสปอร์ต กุญแจรถจักรยานยนต์ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
พฤติการณ์ของคนร้าย:
เหยื่อสาวสามารถจดจำบุคลิกของคนร้ายได้ โดยระบุว่าหนึ่งในกลุ่มเป็นชาวอาหรับที่พัทยา ซึ่งตอนนี้ครอบครัวของเหยื่ออยู่กันอย่างหวาดระแวง ไม่กล้าออกจากบ้าน
การช่วยเหลือของกันจอมพลัง:
กันจอมพลัง เปิดเผยว่า หลังรับเรื่องจึงได้ทำการประสานผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ช่วยเร่งรัดติดตามความคืบหน้าของคดี โดยเหตุเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้เหยื่อสาวแจ้งว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า โดยดักทำร้ายของกลุ่มคนร้ายถือว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ และไม่เกรงกลัวกฎหมาย
คำให้การของเหยื่อ:
น.ส.เอ เหยื่อสาว ระบุว่า ปกติเธอทำงานขายของอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา วันเกิดเหตุหลังเลิกงานได้มีหนึ่งในกลุ่มคนร้ายดักรอ แล้วตามมาทำร้ายไม่ทราบสาเหตุ แต่จำได้ว่าหนึ่งในกลุ่มคนร้ายเคยเป็นลูกจ้างที่เคยทำงานด้วยกัน ส่วนแรงใจหรือปมก่อเหตุเธอเองก็ยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากอะไร หลังเกิดเหตุเธอและสามี ต่างอยู่ด้วยกันอย่างหวาดระแวง จนถึงขั้นย้ายที่ซุกหัวนอน แต่ดูเหมือนกลุ่มคนร้ายก็ยังพยายามวนเวียนมาดูอยู่หลายครั้ง จึงทำให้การใช้ชีวิตเป็นการด้วยความยากลำบาก
ความคืบหน้าของคดี:
พ.ต.อ.เอนก ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดเกิดเหตุ จนไปถึงเส้นทางหลบหนี โดยขอยืนยันว่าคนร้ายไม่ใช่กลุ่มแก๊งมาเฟียต่างชาติ และยังคงอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ส่วนสาเหตุนั้นคงจะต้องรอสอบปากคำจากเหยื่อสาวอีกครั้ง ขณะที่ทางด้านความปลอดภัย ทางตำรวจจะมีการส่งชุดสืบสวนไปดูแลความปลอดภัย พร้อมเร่งรัดพนักงานสอบสวนออกหมายจับทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดี







