ในปฏิบัติการร่วมครั้งสำคัญระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เจ้าหน้าที่ได้สกัดกั้นขบวนการทุจริตค่าเวนคืนที่ดินในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยจับกุมข้าราชการสังกัดสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) จำนวน 2 ราย หลังพบพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการขยายถนนหมายเลข 1359
ผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้แก่
- นายปารย์ (ปลาย) อายุ 39 ปี ถูกจับกุมตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ข้อหาข้อหาเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินโดยมิชอบ และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157
- นายชญานนท์ อายุ 24 ปี ถูกจับกุมในข้อหาสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157 และ 86
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาได้ใช้อุบายแจ้งประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินว่าจะได้รับค่าเวนคืนเพียง 75% ของจำนวนเงินจริง และอ้างว่าจะช่วยเพิ่มค่าเวนคืนให้อีก 25% หากจ่ายเงินใต้โต๊ะประมาณ 10% ของค่าเวนคืน ทั้งที่ประชาชนมีสิทธิได้รับเงินเต็มจำนวนตั้งแต่ต้น การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับประชาชนหลายรายที่ต้องยอมจ่ายเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการประเมินค่าเวนคืนที่ดินในอัตราต่ำ
เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและพบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ โดยมีการนัดหมายให้ประชาชนมารับเช็คค่าเวนคืนที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 3 จากนั้นให้ฝากเช็คเข้าบัญชีและถอนเงินสดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไปตลอดกระบวนการ
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) พร้อมแจ้งสิทธิและดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2566 โดยผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่ได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและแจ้งเบาะแสหากพบการกระทำทุจริตในลักษณะดังกล่าว พร้อมย้ำว่าการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนถือเป็นความผิดร้ายแรงที่มีโทษสูง
พ.ต.ท.พงศ์ปณต บัวแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป. โทร. 08 6313 9845
ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปิดฉากขบวนการทุจริตค่าเวนคืนที่ดิน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประชาชนควรตระหนักและร่วมมือแจ้งเบาะแสเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม





