คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนในการส่งเสริมสิทธิของผู้ต้องขัง โดยเสนอให้กรมราชทัณฑ์ทบทวนและแก้ไขระเบียบการร้องทุกข์ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถปิดผนึก “ลับ” จดหมายร้องทุกข์ได้ หากเป็นการสื่อสารกับหน่วยงานของรัฐ เช่น ศาลหรือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ครั้งที่ 11/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางสาวหรรษา หอมหวล เลขาธิการ กสม. ได้เปิดเผยถึงกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องขังชาวไนจีเรียรายหนึ่ง ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำกลางบางขวาง ภายใต้ข้อหาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษและพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
ผู้ต้องขังรายนี้ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตส่งเอกสารคำฟ้องเพิ่มเติมต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัยกรณีไม่ยอมตัดผมและไว้หนวดเคราโดยอ้างความเชื่อทางศาสนา อย่างไรก็ตาม เจ้าพนักงานเรือนจำได้ตรวจสอบเอกสารและพบข้อความบางส่วนที่กล่าวพาดพิงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน จึงคืนเอกสารและให้ผู้ต้องขังแก้ไขก่อนส่งต่อศาล
ข้อเสนอแนะจาก กสม.:
กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การตรวจสอบและระงับการส่งจดหมายของผู้ต้องขังอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิในการเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้รับการรับรองทั้งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR)
กสม. จึงมีข้อเสนอแนะให้กรมราชทัณฑ์ทบทวนและแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถปิดผนึก “ลับ” จดหมายร้องทุกข์ได้ หากเป็นการสื่อสารกับหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ เช่น ศาลหรือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ





