วันเสาร์, มีนาคม 22, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจกลางบุกจับ 'นายทุนปัว' ลักลอบขุดทรายแม่น้ำ-บุกรุกที่ดินชุมชน หลังใช้อิทธิพลดำเนินกิจการผิดกฎหมายกว่า 30 ปี!

Related Posts

ตำรวจกลางบุกจับ ‘นายทุนปัว’ ลักลอบขุดทรายแม่น้ำ-บุกรุกที่ดินชุมชน หลังใช้อิทธิพลดำเนินกิจการผิดกฎหมายกว่า 30 ปี!

“CIB รวบ 2 ผู้ต้องหาในคดีลักลอบขุดทรายแม่น้ำและบุกรุกที่ดินสาธารณะ อ.ปัว จ.น่าน พบของกลางรถแบคโฮ-รถบรรทุก-เลื่อยโซ่ยนต์ และทรายจำนวนมาก!”

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการบก.ปทส. และ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รองผู้บังคับการบก.ปทส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ในคดีลักลอบขุดทรายแม่น้ำและบุกรุกที่ดินสาธารณะในพื้นที่ อ.ปัว จ.น่าน

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมประกอบด้วย
1.นายใจ๋ สงวนนามสกุล อายุ 69 ปี เจ้าของที่ดินและผู้ว่าจ้างให้มีการขุดทราย
2.นายศิลาชัย สงวนนามสกุล อายุ 44 ปี คนขับรถหกล้อและรถแบคโฮ

ทั้งสองถูกจับกุมพร้อมของกลาง ได้แก่ รถแบคโฮ 1 คัน, รถบรรทุก 1 คัน, หินและทรายจำนวนหลายลูกบาศก์เมตร, เลื่อยโซ่ยนต์พร้อมแผ่นบังคับโซ่ 1 ตัว และที่ดินสาธารณะของชุมชนที่ถูกบุกรุกประมาณ 1 งาน

ข้อกล่าวหา:
ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ฐาน “ตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต”
-ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ฐาน “บุกรุกที่ดินสาธารณะและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ”
-ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ฐาน “มีแร่ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
-ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ฐาน “ดำเนินกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่มีใบอนุญาต”
-ตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
-ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2562 ฐาน “ช่วยซ่อนเร้นหรือจำหน่ายของอันเนื่องด้วยความผิด”

พฤติการณ์: เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลว่าสถานประกอบการ “ท่าทรายใจ๋บริการ” ในพื้นที่หมู่ 4 ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน มีการลักลอบขุดทรายจากแม่น้ำและบุกรุกที่ดินสาธารณะของชุมชนเพื่อนำทรายและหินไปขาย โดยดำเนินกิจการมานานกว่า 30 ปี โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น พบว่าสถานที่ดังกล่าวเปิดดำเนินการอยู่ และนายใจ๋ฯ ยอมรับว่าเป็นเจ้าของกิจการ รวมถึงยอมรับว่าไม่ได้ขออนุญาตใด ๆ ในการประกอบกิจการ นอกจากนี้ ยังพบเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง ที่ไม่มีหลักฐานการขึ้นทะเบียน และรถบรรทุกที่ขนหินและทรายจากที่ดินสาธารณะของชุมชน ซึ่งนายศิลาชัยฯ ให้การว่าตนได้รับคำสั่งจากนายใจ๋ให้ทำการขนย้าย

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปัว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเบื้องต้น

เจ้าหน้าที่ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการบุกรุกที่ดินสาธารณะและการลักลอบขุดทราย ซึ่งมีโทษรุนแรงตามกฎหมาย

ช่องทางการติดต่อ:สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บก.ปทส. โทร. 1136

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts