วันพุธ, สิงหาคม 20, 2025
หน้าแรกสิ่งแวดล้อมคอลัมน์ไลฟ์สไตล์คอรัปชั่นไทยวิกฤต ดัชนีทุจริต ย่ำแย่สุดในรอบ...

คอรัปชั่นไทยวิกฤต ดัชนีทุจริต ย่ำแย่สุดในรอบ 13 ปี

ปัญหาคอรัปชั่นไทยอยู่ในขั้นวิกฤต เหมือนมะเร็งร้ายระยะสุดท้าย กำลังทำลายศักยภาพของประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคต ดัชนีทุจริตต่ำสุดในรอบ 13 ปี

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์ (FKII Thailand) ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ บรรยายเรื่อง “คอรัปชั่นเทค โครงการเอไอ.ใยแมงมุมThe AI Spider Project : แนวทางใหม่ในการตรวจสอบและปราบปรามทุจริต“ ว่า

“…จากผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ประจำปี 2567  จากจำนวนประเทศ 180 ประเทศ ประเทศไทย ได้ 34 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก และหล่นจากอันดับ4 เป็นอันดับที่ 5 ของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งคะแนน 34 คะแนน ในปี2567 ถือเป็นคะแนนต่ำสุดในรอบ 13ปี (ปี2555-2567)

ประการสำคัญคือ ประเทศไทยได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของโลกมาโดยตลอด ซึ่งหากพิจารณาย้อนไป10ปีจะพบว่า การแก้ปัญหาคอรัปชั่น ไม่กระเตื้องขึ้น มีแต่ถดถอยลง ดัชนีรับรู้การทุจริต ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี2567 พบว่าคะแนนและอันดับลดลงต่อเนื่อง กล่าวคือในปี 2555 ได้คะแนน 37 อันดับ 88 ของโลก ปี2567 ได้คะแนน 34 อันดับ 107 สะท้อนความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของประเทศ ถดถอยในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

โดยผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต เป็นการประเมินจากแหล่งข้อมูล 9 สถาบัน จากตัวชี้วัดข้อมูล 7 ด้าน ได้แก่

1.เจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ

2.มีอำนาจ หรือตำแหน่งทางการเมือง มีการทุจริตโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ และระบบเครือญาติ และภาคการเมืองกับภาคธุรกิจ มีความสัมพันธ์กัน

3.การทุจริตในภาครัฐ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการเกี่ยวกับสินบน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับส่วนรวม

4.การติดสินบนและการทุจริต

5.ภาคธุรกิจต้องจ่ายเงินสินบนในกระบวนการต่าง ๆ

6.ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ

7.ระดับการรับรู้การทุจริต สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ปัญหาคอรัปชั่นอยู่ในขั้นวิกฤต เหมือนมะเร็งร้ายระยะสุดท้าย กำลังทำลายศักยภาพของประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคต จึงต้องใช้แนวทางใหม่ในการตรวจสอบ ปราบปรามทุจริตภาครัฐ-ภาคเอกชน นั่นคือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เรียกว่า คอรัปชั่นเทค (Corruption Tech) ทำหน้าที่เสมือนไฟฉายและใยแมงมุม ในยุคดิจิตอล แพลตฟอร์มและเอไอ. ซึ่งจะเป็นแนวทางใหม่ เอาชนะสงครามปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

“หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา” เข้าแจ้งความ ปอท.ถูก AI ปลอมเสียง-หน้า หลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ

https://www.youtube.com/watch?v=BEdi1ItTWeI เวลา 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค.68 นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา แพทย์และนักพูดชื่อดังวัย 70 ปี พร้อมด้วย อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ , เก่ง สุรเชษฐ์ “ชมรมสันติประชาธรรม” เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พงส.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้เทคโนโลยี AI ปลอมแปลงทั้งภาพและเสียงของตนเอง ไปหลอกลวงประชาชนให้ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาที่ไม่ได้มาตรฐาน พันเอกนายแพทย์พงศ์ศักดิ์ เล่าว่า ตนทราบเรื่องนี้จากบุคคลใกล้ชิดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ว่ามีการนำภาพตนไปแอบอ้างขายสินค้า 4 ประเภท ทั้ง ยาสีฟัน ยาฆ่าเชื้อรา ยารักษาไซนัส และ ยารักษาเส้นเลือดขอด / โดยมีการดูดคลิปไปเผยแพร่ทั้งทางแพลตฟอร์มของ...

สคบ. กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านขายไข่เจียวปู กรณีอาจเรียกเก็บเงินไม่ตรงตามเมนู

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบกรณีร้านอาหารจำหน่ายไข่เจียวปู ผู้บริโภคร้องเรียนว่า มีการเรียกเก็บเงินไม่ตรงกับราคาที่ระบุไว้ ในเมนู โดยเมนูไข่เจียวปูระบุราคาที่ 1,500 บาท แต่เมื่อชำระเงินกลับถูกเรียกเก็บสูงถึง 4,000 บาท ทำให้ผู้บริโภคเสียหาย โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ในวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มอบให้นายอนุพงษ์ เจริญเวช ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค 2 ร่วมกับกรมการค้าภายใน ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยกรมการค้าภายในจะเน้นตรวจสอบตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เกี่ยวกับการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ขณะที่ สคบ.จะตรวจสอบการโฆษณาไข่เจียวปูที่อาจเข้าข่ายโฆษณาไม่ตรงตามความเป็นจริง หรือสร้างความเข้าใจผิดต่อสาระสำคัญของสินค้า เช่น การระบุว่า เป็นเมนูพิเศษ...

2 มหาอำนาจ “จีน-อินเดีย” ดึงชาติกำลังพัฒนา กำหนดอนาคตโลกใหม่

“จีนและอินเดีย สองประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ที่สุด ด้วยประชากรรวมกันกว่า 2,800 ล้านคน กำลังแสดงความรับผิดชอบระดับโลก ทำหน้าที่มหาอำนาจ เป็นแบบอย่างแก่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ในการแสวงหาความแข็งแกร่ง ผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีส่วนส่งเสริมการสร้างโลกหลายขั้ว ยุติการกลั่นแกล้งรังแกอยู่ฝ่ายเดียว ตอกย้ำว่ามนุษยชาติ ได้เดินทางถึงทางแยกสำคัญ ที่กำหนดทิศทางอนาคตของโลก” สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ 18 ส.ค. จีนและอินเดีย เห็นพ้องจะรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยฉันทามติดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากการหารือระหว่าง หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน  กับ สุพราหมัณยัม ไจชันการ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี หวัง กล่าวว่า สถานการณ์โลกวันนี้ กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกลั่นแกล้งรังแกอยู่ฝ่ายเดียว ขยายตัวต่อเนื่อง การค้าเสรีและระเบียบระหว่างประเทศ เผชิญความท้าทายร้ายแรง โดยมนุษยชาติได้เดินทางถึงทางแยกสำคัญ...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.