เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 มี.ค.68 ที่บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พา น.ส.มนัสนันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี นักศึกษา กศน. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 เวลาประมาณ 13.50 น. ขณะตนเดินข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ข้ามไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประตูหลังที่ 3 โดยกดสัญญาณไฟจราจรทถูกคู่กรณีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พุ่วชนร่างกระเด็นไปประมาณ 14 ม.ได้รับบาดเจ็บสาหัสฟันหน้าบน 2 ซี่ และฟันหน้าล่าง 1 ซี่ เสียหาย แขนซ้ายหักผิดรูป แผลฉีกที่สันจมูก (เย็บ 6 เข็ม) แผลถลอกตามใบหน้า, ข้อศอก, มือ และขา หัวเหน่าร้าวและเชิงกรานร้าว ฟันกรามด้านในสุดแตก
พลเมืองดีแจ้งกู้ภัยมาก่อนนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์ และโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ทำกาีผ่าตัดดามเหล็กแขนซ้าย ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องทำกายภาพบำบัด
การชดเชยตาม พ.ร.บ. กลาง จ่ายค่ารักษาพยาบาล 80,000 บาท (จ่ายไปแล้ว 30,000 บาท เหลือ 50,000 บาท) คู่กรณีให้เงินช่วยเหลือ 2,000 บาท คู่กรณีพูดว่าถ้าแม่มีเงินให้แม่ออกค่าใช้จ่ายไปก่อน 20,00 บาท ก่อนกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน
การที่คู่กรณีให้เงินชดเชยเพียง 2,000 บาท นั้นไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้การที่คู่กรณีพูดว่าถ้าแม่มีเงินให้แม่ออกไปก่อน เป็นคำพูดที่ไม่แสดงถึงความรับผิดชอบ การที่คู่กรณีพูดว่า”โชคร้าย ซวย” แสดงถึงการปัดความรับผิดชอบ การที่คู่กรณีพูดว่า” เห็นรถใหญ่หยุดเลยตั้งใจจะขับแซงและไม่เห็นมีไฟจราจร” แสดงถึงการกระทำที่ประมาท การที่ผู้เสียหายต้องจ่ายค่ารถเพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองกลับบ้านเป็นเงิน 1,000 บาท
ผ่านมา 8 เดือน คู่กรณียังไม่แสดงความรับผิดชอบ ค่ารักษาพยาบาลที่เหลือ จึงร้องเรียนจ่าคิงส์ พามาปรึกษาตำรวจกองปราบฯ
สำหรับ น.ส.มนัสนันท์และครอบครัว ควรปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการทางกฎหมายเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติม ควรมีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เช่น ใบรับรองแพทย์, ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล, ภาพถ่ายความเสียหาย, และข้อมูลการติดต่อของคู่กรณี ควรมีการบันทึกเหตุการณ์และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
