วันที่ 11 พ.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น ทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบของ ข้อความ รูปภาพ และคลิปวีดิโอ เช่น การล้อเลียนในสภาพร่างกายหรือความพิการของบุคคลอื่น ฐานะทางการเงิน ฐานะทางสังคม ตลอดจนแนวคิดทางการเมืองของบุคคลอื่น อาจทำให้สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นต้นตอของความเกลียดชัง และความขัดแย้งในสังคมนั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน เพื่อการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ตามหลักการของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรือ UDHR) และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ดังนี้
1.ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพโดยปราศจากการแบ่งแยก เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง พื้นเพทางชาติหรือสังคม ทรัพย์สิน การเกิด หรือความพิการทางร่างกาย
2.จะต้องไม่แทรกแซงความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่อาศัย หรือการสื่อสาร หรือจะถูกลบหลู่เกียรติยศและชื่อเสียงไม่ได้
3.ในการใช้สิทธิและอิสรภาพ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเพียงเท่าที่มีกำหนดไว้ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและอิสรภาพของผู้อื่น
สุดท้ายอยากให้พี่น้องประชาชนคิดก่อนโพสต์หรือแชร์ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ว่าสิ่งที่กำลังจะโพสต์หรือแชร์เป็นความจริงหรือไม่ และ หากโพสต์หรือแชร์ไปแล้วจะมีบุคคลอื่นได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชังหรือไม่ และควรศึกษาทำความเข้าใจกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโพสต์การแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อที่จะไม่ละเมิดกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ในเรื่องหมิ่นประมาท , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในเรื่องการนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ที่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา 14 หรือ การนำเข้าภาพผู้อื่นสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่เกิดจากการตัดต่อดัดแปลง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ตามมาตรา 16 เป็นต้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน งดเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นบุคคลใดเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะที่เป็นความผิด หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง