เวลา 10.30 น. วันที่ 1 พ.ค.68 ที่ ห้องแถลงข่าวชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บช.ก. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.แถลงข่าว ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เปิดปฏิบัติการ CIB Nominee sweep ep.3 ทลายนอมินีจีน ฮุบที่ดินระยอง สร้างคอนโดหรู 2 พันล้าน พบการบริหารยันก่อสร้างใช้คนจีนครบวงจร
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปฏิบัติการ CIB Nominee sweep ep.3 ทลายนอมินีจีน ฮุบที่ดินระยอง สร้างคอนโดหรู 2 พันล้าน พบการบริหารยันก่อสร้างใช้คนจีนครบวงจร
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ,พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวิฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ นำโดย พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ติระพัฒน์ รอง ผกก.4 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.สมชาย ศรพล รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.รัฐพร คงสุโข รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภาคิน ไกรกิตติชาญ รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย สว.กก.4 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ สว.กก.4 บก.ปอศ. และ พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กก.4 บก.ปอศ.
ร่วมกันตรวจค้น เครือข่ายบริษัทนอมินี ในเขตพื้นที่จังหวัดระยอง และชลบุรี รวม 3 จุด ดำเนินคดี
1.นิติบุคคล จำนวน 4 รายประกอบด้วย
1.) บริษัท กู๊ดวิวฯ จำกัด สัญชาติฮ่องกง
2.) บริษัท เทอร์ร่าฯ จำกัด สัญชาติไทย
3.) บริษัท สกายฯ จำกัด สัญชาติไทย
4.) บริษัท โอเชียนฯ จำกัด สัญชาติไทย
2.บุคคล จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย
1.) นายหลีฟางฯ สัญชาติจีน (กรรมการบริษัท)
2.) นางสาววรติฯ สัญชาติไทย (กรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น)
3.) นายประเสริฐฯ สัญชาติไทย (ผู้ถือหุ้น)
4.) นายชายฤทธิ์ฯ สัญชาติไทย (ผู้ถือหุ้น)
5.) นายปุณณัตถ์ฯ สัญชาติไทย (ผู้ถือหุ้น)
6.) นายเต๋าฯ สัญชาติจีน (คนคุมงาน)
7.) นายเจียงฯ สัญชาติจีน (ช่างประปา)
8.) นายเซี้ยะฯ สัญชาติจีน (ช่างปูน)
9.) นายหวังฯ สัญชาติจีน (คนคุมงาน)
10.) นายเฮาฯ สัญชาติจีน (ผู้ออกแบบ)
11.) นายซวงฯ สัญชาติจีน (ผู้ออกแบบ)
รายการตรวจยึด
1.เอกสารทะเบียนบริษัท 10 ชุด
2.สมุดบัญชีธนาคาร 48 เล่ม
3.โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
4.โฉนดที่ดิน 7 ฉบับ เนื้อที่ รวม 72 ไร่
5.สัญญาซื้อขายที่ดิน 1 ฉบับ
6.ตราประทับบริษัท 6 ชิ้น
7.Token ธนาคาร 7 ชิ้น
ฐานความผิด
1.พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
2.พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497
3.พระราชกำหนดการบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560
พฤติการณ์ ด้วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” บูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันปราบปราม แก้ไขปัญหานอมินีต่างด้าว ตลอดจนกำกับดูแลและตรวจสอบนิติบุคคลให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
ต่อมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบพบกลุ่มนิติบุคคลไทย จำนวน 3 ราย ถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี มีพฤติกรรมนำบุคคลสัญชาติไทยมาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย และการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ
กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ทำการสืบสวนสอบสวน กลุ่มนิติบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว พบว่ากลุ่มบริษัทดังกล่าวเริ่มจดทะเบียนในช่วงปี 2566-2567 โดยมีวัตถุประสงค์ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และดำเนินกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ซับซ้อน มีการใช้พนักงานคนไทย เช่น พนักงานฝ่ายขาย คนขับรถตักดิน มาถือหุ้นและเป็นกรรมการ โดยไม่ได้ลงทุนจริงและไม่มีบทบาทในการบริหารแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้ว บริษัทได้กว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง และ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จำนวน 7 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 72 ไร่ เพื่อนำมาสร้างเป็นที่ตั้งบริษัทและโครงการที่พักอาศัย ในลักษณะอาคารชุด 8 ชั้น จำนวน 10 อาคาร เป็นห้องพักอาศัยกว่า 1,821 ห้อง รวมมูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง
ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบริษัทพร้อมกัน 3 จุด ในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี โดยเข้าทำการตรวจยึดพยานเอกสารและพยานวัตถุที่สำคัญ เช่น โฉนดที่ดินจำนวน 7 แปลง มูลค่า 36 ล้านบาท สมุดบัญชีธนาคารทั้งไทยและจีน จำนวน 48 เล่ม ยอดเงินรวม 72ล้านบาท ตราประทับบริษัท จำนวน 6 ชิ้นและ สอบสวนปากคำพยานจำนวน 14 ปากประกอบด้วย กรรมบริษัท พนักงานคนไทย และ แรงงานชาวจีน โดย พยานที่เป็นพนักงานของบริษัทให้การยืนยันว่า บริษัทถูกบริหารโดยบุคคลสัญชาติจีน และมีการนำชื่อพนักงานคนไทยไปเป็นผู้ถือหุ้นแทนคนจีน
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีการส่งตัวแทนชาวจีนเข้ามาควบคุมสั่งการทั้งในด้านการบริหารและการดำเนินงานก่อสร้างของบริษัท มีการดำเนินกิจการและครอบงำจากนายทุนชาวจีนแบบครบวงจร โดยตั้งบริษัทผลิตคอนกรีตเอง เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัย โดยใช้วิศวกรคุมงาน ผู้ออกแบบ ช่างวางระบบไฟฟ้า ประปา และแรงงานกรรมกรเป็นชาวจีน และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทพบว่า มีการรับโอนเงินจากบริษัทนายทุนจีน ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัทกว่า 500 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวมีนายทุนจีนเป็นเจ้าของที่แท้จริง
จากการรวบรวมพยานหลักฐาน กก.4 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินคดี กับ นิติบุคคล จำนวน 4 ราย และบุคคลทั้งสัญชาติไทยและจีน จำนวน 5 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และ แรงงานชาวจีน จำนวน 6 ราย ในความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560ในส่วนของที่ดินที่บริษัทถือครองกรรมสิทธิ์อยู่นั้นจะได้ดำเนินมาตรการบังคับให้จำหน่าย ตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศและธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. เบอร์ติดต่อ 094-4392557












