ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.,
พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป.,
พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป.,
พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร รอง ผกก.3 บก.ป และ พ.ต.ท.ศิษฎ์ พูลวงศ์ รอง ผกก.3 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.สุวิจักขณ์ รัตนพันธ์ สว.กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.ธีรศักดิ์ นามเขต สว.กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ อินทร์โท่โล่ สว.กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.หญิงวรรณภา พรมบัญชา สว.กก.3 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.นราวิชญ์ เดชคง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป., กก.2 บก.ป. และ บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 12 ราย ดังนี้
- นายนิธิทิวัตถ์ฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2532/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางสาวนวพรฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2533/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางพชรพรฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2534/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นายอาทิตย์ฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2535/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางสาววราภรณ์ฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2536/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นายเทพสถิตฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2537/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นายปรีชาฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2538/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางสาวน้ำหนาวฯ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2539/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางสาววัชรานันท์ฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2540/2568 ลง 25 เม.ย.68
10 .นางสาวนิชนันท์ฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2541/2568 ลง 25 เม.ย.68 - นางสาวศิลาพรฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2542/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นางสาวธัญญพรรษฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2543/2568 ลง 25 เม.ย.68
- นายพีรวัสฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2544/2568 ลง 25 เม.ย.68
ผู้ต้องหาที่ 1-12 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันจัดให้มี หรือเข้าดล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
- รถยนต์ จำนวน 23 คัน
- เอกสารเกี่ยวที่ดิน จำนวน 49 รายการ
- ของใช้แบรนด์เนม จำนวน 46 รายการ
- ทองคำ จำนวน 5 รายการ
- อาวุธปืน จำนวน 1 กระบอก
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 22 รายการ
- สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 30 เล่ม
- บัตร ATM/เดบิต/เครดิต จำนวน 29 ใบ
- พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จำนวน 160 รายการ
รวมมูลค่า 50 ล้านบาท
สถานที่จับกุม ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี, จ.ศรีสะเกษ, จ.บุรีรัมย์, จ.นครนายก และ จ.ชลบุรี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากปฏิบัติการใหญ่กลางปี กองบังคับการปราบปรามเปิดยุทธการ “ถอนสมอตี๋ใหญ่ 888” ทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ หลังทีมสืบสวนเคยเข้าจับกุมพนักงานเว็บพนันชื่อดังเมื่อปี 2566 ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว แต่ล่าสุดพบกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ใหม่ ลอบนำเงินผิดกฎหมายฟอกผ่านธุรกิจถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ ว่าได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปิดเว็บพนันออนไลน์ที่ชักจูงประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย หลายคนต้องเผชิญกับภาวะหนี้สิน สูญเสียทรัพย์สิน ครอบครัวแตกแยก และบางรายถึงขั้นคิดสั้น ขณะที่อาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะกรณีเด็กและเยาวชนที่เริ่มก่อเหตุรุนแรง เช่น การชิงทรัพย์ หลังเสียพนันหมดตัวจากโลกออนไลน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด ให้เชื่อมโยงชัดเจนไปถึงเครือข่ายและเจ้าของเว็บไซต์ตัวจริง หลังรับรายงานว่ามีขบวนการลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จนกระทั่งพบเบาะแสสำคัญ นำไปสู่การเปิดโปงเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ “ตี๋ใหญ่ 888” ที่ซ่อนตัวหลังโฆษณาออนไลน์เต็มรูปแบบ ทั้งแทงบอล บาคาร่า สล็อต และเกมเสี่ยงโชคเป็นจำนวนมาก การตรวจสอบพบว่า เว็บไซต์ “ตี๋ใหญ่ 888” ดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 โดยมีการเปลี่ยนชื่อ เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย แต่มิอาจรอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 50 บัญชี ในระยะเวลาประมาณ 2 ปี มีเงินหมุนเวียนรวมกันกว่า 600 ล้านบาท ภายใต้ฉากหน้าเว็บพนัน กลับพบโครงสร้างการเงินที่ซับซ้อน ใช้บัญชีธนาคารในประเทศและ e-wallet ในการรับโอนเงิน ก่อนแยกกระจายไปยัง “บัญชีม้า” ที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ หรือมีความใกล้ชิดกัน แม้แต่ละบัญชีจะมีเงินหมุนเวียนในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นจำนวนมหาศาล แต่กลับไม่มีเงินคงเหลือในบัญชี อีกทั้งยอดเงินหมุนเวียนยังขัดแย้งกับลักษณะอาชีพที่แสดงไว้ ประกอบกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีการทำธุรกิจบังหน้าเพื่อฟอกขาว เช่น รับเหมาก่อสร้าง, บริการเช่ารถ, ปล่อยเงินกู้นอกระบบ เป็นต้น มีการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนสืบสวนเชิงรุก ไล่แกะรอยทุกธุรกรรมทางการเงินอย่างละเอียด
จนนำไปสู่การรวบรวมหลักฐานแน่นหนา พร้อมเปิดปฏิบัติการปิดล้อมทลายเครือข่ายผิดกฎหมายครั้งใหญ่ในรอบปี เพื่อรื้อถอนอาณาจักรพนันออนไลน์ที่สร้างความเสียหายระดับประเทศอย่างเด็ดขาด จากการสืบสวนและแกะรอยเส้นทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว ทั้งกลุ่มเจ้าของเว็บไซต์ กลุ่มที่มีส่วนร่วมในขบวนการ พนักงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการเว็บไซต์ รวมถึงกลุ่มบัญชีม้า
ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารเพื่อฟอกเงินและยักย้ายถ่ายเทเงินผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้เดินหน้าคลี่คลายคดีอย่างเป็นระบบ ก่อนสนธิกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม กระทั่งสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาได้ทั้งหมด 13 หมาย ซึ่งศาลได้พิจารณาและอนุมัติตามคำขอ ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยจากการสืบสวนพบว่า เจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ ได้เดินทางออกนอกพื้นที่ปฏิบัติการ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดจันทบุรี ก่อนข้ามพรมแดนบ้านผักกาด ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งน่าเชื่อว่าซึ่งเป็นที่ตั้งของออฟฟิศเว็บไซต์พนันดังกล่าว จนมีการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 80 นาย ได้สนธิกำลังเปิดปฏิบัติการ “ถอนสมอตี๋ใหญ่ 888” ปูพรมเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 14 จุด สำคัญในจังหวัดอุบลราชธานี, ศรีสะเกษบุรีรัมย์ และชลบุรี ก่อนเจ้าหน้าที่บุกทะลวงเข้าควบคุมตัวเป้าหมายได้ครบถ้วน ทั้งหมด 13 ราย ตั้งแต่เจ้าของเว็บ, บุคคลที่ทำหน้าที่บัญชีม้า, แอดมิน, คนทำบัญชี รวมถึงคนเล่นพนัน พร้อมตรวจยึดของกลางสำคัญดังรายการข้างต้น รวมมูลค่าทรัพย์สิน กว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีบัญชีและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกมากซึ่งจะทำการขยายผลต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น เจ้าของเว็บไซต์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มบัญชีม้า ที่ยังคงให้การปฏิเสธ













