วันเสาร์, มิถุนายน 7, 2025
หน้าแรกท้องถิ่นตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขยายผลปฏิบัติการ Operation Crypto Phantom กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ล่าผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งบุคคลและบริษัท รวม 5 ราย

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขยายผลปฏิบัติการ Operation Crypto Phantom กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ล่าผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมทั้งบุคคลและบริษัท รวม 5 ราย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ.

พฤติการณ์ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลได้ออก พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้มีความปลอดภัย โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญให้ทุกหน่วยในสังกัด เข้มงวดกับการตรวจสอบการใช้คริปโตเคอร์เรนซีในลักษณะที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะการนำไปใช้เป็นช่องทางฟอกเงินหรือซ่อนเส้นทางการเงินในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ

ต่อมาในวันที่ 20 พ.ค.68 ที่ผ่านมา กก.3 บก.ปอศ. ได้เปิดปฏิบัติการ Operation Crypto Phantom กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย ร่วมกันตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พบร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราแอบแฝงการให้บริการ แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท USD Tether (USDT) แบบ “ชนมือ” โดยไม่ได้ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยน ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย โดยการให้บริการลักษณะดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจนในการ หลีกเลี่ยง การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงหลบเลี่ยงภาษี และมีการนำเงินที่ได้ไปหมุนเวียนในธุรกิจ ผิดกฎหมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเครือข่ายค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า ธุรกรรมมากกว่า 1,000 รายการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม และมีเงินหมุนเวียนรวมสูงถึง 425,104,595 USDT หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้มีการขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมาโดยตลอด

ต่อมาหลังจากที่ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างรัดกุมรอบคอบแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการออกหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 6 ราย ในฐานะนิติบุคคล 2 ราย และในฐานะส่วนตัว 4 ราย ดังนี้

  1. บริษัท ต้าฟา เอ็กซ์เช็นจ์ จำกัด (ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางะมุง จ.ชลบุรี) โดย น.ส.มาลิณีฯ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ในฐานะนิติบุคคล
  2. น.ส.มาลิณีฯ ฐานะส่วนตัว
  3. บริษัท คริปโตพิดา (ตั้งอยู่ที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต) โดย น.ส.วาสนาฯ เป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจ ในฐานะนิติบุคคล
  4. น.ส.วาสนาฯ ฐานะส่วนตัว
  5. นายชัยณรงค์ฯ เปิดร้าน Exchange ตั้งอยู่ที่ ถ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กทม.

โดยได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินการ

โดยหลังจากนี้จะทำการสืบสวนเส้นเงินคริปโตฯที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายอื่นๆ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือหลีกเลี่ยงภาษี หรืออาจได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้เปิดร้าน รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และทำธุรกิจที่มีการรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสกุล USDT เป็นเงินไทยบาท หรือสกุลเงินต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชนและผู้ประกอบการ ให้ระมัดระวัง การซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ ดังนี้
1.พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่
2- 5 ปีและปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลา ที่ยังฝ่าฝืนอยู่
2.พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในหมวดการฉ้อโกงหรือการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ และหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราที่มีใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแต่ฝ่าฝืนโดยลักลอบให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจถูกเพิกถอนใบอนุญาต และถูกดำเนินคดี เพิ่มเติมด้วย จึงขอให้ประชาชนใช้บริการเฉพาะผู้ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง

    ทั้งนี้หากพบพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ได้ในทุกช่องทาง

    ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ณธัชพงษ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 080-006-3763

    “การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
    ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
    ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
    ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

    ทิ้งคำตอบไว้

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    spot_img

    Latest Posts