กสม. เตรียมจัดกิจกรรมสรุปบทเรียนการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวของรัฐ ผลักดันให้มีกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ – ชื่นชมกรมอุทยานฯ แก้ไขปัญหาพื้นที่เตรียมการอุทยานแห่งชาติแม่เงาและถ้ำผาไททับที่ทำกินชาวกะเหรี่ยง
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และนางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 20/2568 โดยมีวาระสำคัญ ดังนี้
- กสม. เตรียมจัดกิจกรรมสรุปบทเรียนจากการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวของรัฐเพื่อป้องกันการทรมาน ผลักดันให้มีกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา โดยสำนักงาน กสม. ได้จัดตั้งกลุ่มงานตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวและการป้องกันการทรมานขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เพื่อขับเคลื่อนงานตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐ ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการทำหน้าที่เป็นกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ (National Preventive Mechanism) หรือ NPM ที่สามารถตรวจสอบและเข้าถึงสถานที่ควบคุมตัวของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอิสระ และสม่ำเสมอ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 สำนักงาน กสม. ได้ดำเนินการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันสถานที่ควบคุมตัวในหลากหลายประเภท ได้แก่ สถานีตำรวจ สถานที่ควบคุมตัวในการกำกับดูแลของหน่วยงานด้านความมั่นคง เรือนจำ สถานฟื้นฟูสมรรรถนะผู้ติดยาเสพติด และศูนย์ฝึกทหารใหม่ โดยมีการประชุมรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจร่วมเพื่อป้องกันการทรมาน มีการสำรวจและตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัว มีการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมและสัมภาษณ์เชิงลึก โดยประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั้งด้านโครงสร้างทางกายภาพ ด้านกระบวนการปฏิบัติงาน และด้านนโยบาย เพื่อสนับสนุนให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีในการป้องกันการทรมาน
ผลการตรวจเยี่ยมเบื้องต้นตลอดช่วงปีที่ผ่านมาพบว่าหลายสถานที่ควบคุมตัวมีการริเริ่มแนวทางปฏิบัติที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน และควรใช้เป็นต้นแบบสำหรับการขยายผลต่อไป เช่น การใช้กล้องติดตัว (Body Camera) และกล้องในรถเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง การติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดเสี่ยง การใช้มาตรการแยกขังแทนการขังเดี่ยว การปรับใช้อุปกรณ์พันธนาการที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพและป้องกันโรคลมร้อน (Heat Stroke) รวมถึงการฝึกทหารใหม่ที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ยังพบข้อท้าทายที่สำคัญ ได้แก่ ข้อจำกัดด้านงบประมาณและอุปกรณ์ ความแออัดในเรือนจำและสถานฟื้นฟู บุคลากรไม่เพียงพอโดยเฉพาะพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่เรือนจำ และบุคลากรทางการแพทย์ ความรู้และทักษะของเจ้าหน้าที่ไม่ทันกับกฎหมายหรือเทคโนโลยีใหม่ และระบบร้องเรียนที่ยังไม่ปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อกลไกการตรวจเยี่ยมของ กสม. และพัฒนาสู่การเป็นกลไกตรวจเยี่ยมระดับชาติ (NPM) ตามภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (OPCAT) ซึ่งอยู่ระหว่างการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันต่อต้านการทรมานสากล (International Day in Support of Victims of Torture) กสม. จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมสรุปบทเรียนและขับเคลื่อนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกัน เพื่อขับเคลื่อนกลไกการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันในบริบทของสังคมไทยให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อแสดงพลังสนับสนุนเหยื่อที่เคยถูกกระทำทรมาน เสริมสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะ และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการทรมานอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย


