“วิเชียร” ผู้สมัครนายกสภาทนายความ ปีบริหาร 2568-2571 ลุยลงพื้นที่ภาค 2 ประกาศชิงชัย ชู นโยบาย “สานงานต่อ ก่องานเพิ่ม เริ่มงานใหม่” เน้นการบริหารจัดการองค์กร เพิ่มสวัสดิการทนายความ รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชน มั่นใจได้รับเลือกอีกสมัย
(13 มิ.ย.68) ที่ ร้านอาหารครัวพันธุ์ไม้ พัทยา ทนายชลิต ขวัญแก้ว กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 2 และคณะกรรมการสภาทนายความ ภาค 2 ได้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงเพื่อพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ภายใต้สโลแกน “ทนายพัทยาต้องดีขึ้น กับภาค 2” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ มาเป็นประธานเปิดงานพร้อมกล่าวทักทายและแถลงนโยบายในการลงสมัครเป็นนายกสภาทนายความ หมายเลข 3 ปีบริหาร 2568-2571 พร้อมเปิดตัวผู้สมัครกรรมการ เบอร์ 25-46 ท่ามกลางทนายความในพื้นที่ภาค 2 และทนายพัทยา เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองและอบอุ่นฉันท์พี่น้อง
ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความและผู้สมัครนายกสภาทนายความ หมายเลข 3 ปี บริหาร 2568-2571 เปิดเผยว่า นโยบายหลักในการขับเคลื่อน 3 ปีหลังจากนี้มี 3 นโยบายด้วยกัน 1. การบริหารจัดการองค์กร 2.การบริหารให้สวัสดิการแก่ผู้ประกอบอาชีพทนายความ 3.ให้การช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมายในเชิงรุก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาขอบคุณพี่น้องทนายความที่เคยเทคะแนนให้ตนเเละคณะสูงสุดในประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ เกือบหนึ่งหมื่นคะเเนน ที่ผ่านมาเราได้มีการขับเคลื่อนนโยบายเสร็จสิ้นทุกอย่าง ส่วนจุดมุ่งหมายของเราและทีม คือการต่อยอดภารกิจที่ริเริ่มไว้ในวาระที่ผ่านมา โดยมี 3 แนวนโยบายหลัก คือ “สานงานต่อ ก่องานเพิ่ม เริ่มงานใหม่” ได้แก่ ”สานงานต่อ“ เดินหน้าต่อยอดภารกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว เช่น ระบบสวัสดิการ การพัฒนาด้านวิชาการ การใช้เทคโนโลยี ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของทนายความในองค์กร ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับจากเพื่อนร่วมวิชาชีพเป็นอย่างดี
“ก่องานเพิ่ม” เน้นส่งเสริมการประกอบวิชาชีพ เช่น การอบรมกฎหมายที่ทันสมัย การเชื่อมโยงข้อมูลกับภาครัฐ ล่าสุดได้รับการตอบรับจากกระทรวงมหาดไทย ให้ทนายความสามารถยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ThaID เพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับความเชื่อมโยงกับหน่วยงานรัฐ และ “เริ่มงานใหม่” ริเริ่มพัฒนาระบบการจ่ายค่าตอบแทนแก่ทนายความอาสา ให้สามารถจ่ายได้ วันต่อวัน แทนแบบรายเดือน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ พร้อมผลักดันให้ทนายความอาวุโสได้รับเงินช่วยเหลือแบบรายเดือน แทน รายปี เพื่อความต่อเนื่องในการดูแล
ทั้งนี้ดร.วิเชียร ยังกล่าวถึงผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะการพลิกสถานะทางการเงินของสภาทนายความจากขาดทุนกว่า 26 ล้านบาทในปี 2565 จนสามารถทำกำไรได้เกือบ 5 ล้านบาทในปี 2566 และต่อเนื่องถึงปี 2567 ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ ทั้งการจัดกิจกรรม รายได้จากวิชาการ และงานส่งเสริมต่าง ๆ ทั้งยังเน้นย้ำถึงความตั้งใจที่จะให้ทีมงานมีความหลากหลายและให้ความสำคัญกับบทบาทของทนายความหญิง โดยในทีมกรรมการชุดนี้ มีสุภาพสตรีร่วมทีมถึง 4 คน เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของทนายความยุคใหม่ที่เปิดกว้างและเท่าเทียม ทั้งนี้มั่นใจจะได้รับเลือกมาเป็นนายกสภาทนายความอีกสมัย ด้วยผลงานตลอด 3 ปี เป็นการการันตี พร้อมรางวัลความภาคภูมิใจของพี่น้องทนายความทั่วประเทศ กับรางวัลเทพทอง สาขาองค์ดีเด่น ปี 2567 จัดโดยสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
สุดท้าย ดร.วิเชียร ขอเชิญชวนเพื่อนทนายความทั่วภาค 2 ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 – 15.00 น. เลือก ดร.วิเชียร ชุบไธสง หมายเลข 3 และ ทีมกรรมการหมายเลข 25-46 ยกทีม เพื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับสภาทนายความอีกครั้ง
สำหรับรับการเปิดรับสมัครนายกและกรรมการสภาทนายความชุดใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2568–2571 เนื่องจากคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบัน ซึ่งได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2565 จะครบวาระ 3 ปีการดำรงตำแหน่งในวันที่ 14 ก.ย. 2568 ซึ่งจะมีการลงคะเเนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 24 ส.ค.2568 ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งสภาทนายความ สะพานใหม่ ส่วนในต่างจังหวัดจะต้องไปเลือกตั้งตามศาลจังหวัดทั่วประเทศ









