เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. กลุ่มผู้เสียหายจากหลายจังหวัดที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกซื้อขายรถยนต์มือสอง ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บิ๊กเต่า) ที่ชั้น 16 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานมามอบให้ตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากที่เคยร้องเรียนในหลายพื้นที่แต่คดียังไม่คืบหน้า และบางแห่งถูกมองว่าเป็นเพียงคดีแพ่ง
ผู้เสียหายเล่าว่า ตลอดมาต้องต่อสู้เพียงลำพังและรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายกระทำผิด ทั้งที่จริงแล้วถูกฉ้อโกงรถยนต์ไป พฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้คือจะโฆษณารับซื้อรถยนต์มือสองผ่านเพจเฟซบุ๊ก และเดินทางมารับรถถึงที่บ้าน โดยอ้างว่าจะดำเนินการเปลี่ยนสัญญาผู้เช่าซื้อให้ แต่หลังจากรับรถไปแล้ว กลับตัดสัญญาณ GPS และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ผู้เสียหายบางรายพบรถของตัวเองถูกประกาศขายอยู่ในเพจของประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่รถบางคันยังคงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 10 ล้านบาท จากรถยนต์กว่า 20 คัน
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า คดีนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีรถยนต์หายไปกว่า 20 คัน และอาจมีจำนวนมากกว่านั้น ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะกระทำเป็นขบวนการ โดยหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีการที่พวกเขามีความชำนาญและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้แนะนำให้ตัวแทนผู้เสียหายรวบรวมข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งกรณีที่ยังไม่ได้แจ้งความและที่แจ้งความไปแล้ว ส่งมอบมายังตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อจะดำเนินการสอบสวนเป็นคดีเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้ฝากเตือนประชาชนที่กำลังประสบปัญหาการผ่อนชำระรถยนต์ไม่ไหว และกำลังมองหาทางออกด้วยการให้บุคคลอื่นผ่อนชำระต่อ ให้ปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก หรือบริษัทไฟแนนซ์โดยตรง และอย่าไว้วางใจบุคคลที่รู้จักผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
