ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 25 มิ.ย. 2568 “น้องไอซ์”- น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านหลักในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ โดยตั้งข้อสังเกตถึงราคาเริ่มต้นประมูลที่ต่ำเกินกว่าราคาที่รัฐจัดเก็บได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนของคลื่นความถี่ 2,100 เมกะเฮิร์ตซ์(MHz)และ 2,300 MHz ที่ กสมช.ไปอ้างอิงราคาเมื่อ 10 ปีก่อนทำให้ราคาตั้งต้นประมูลต่ำเรี่ยดิน
โดยเฉพาะในส่วนของคลื่น 2,100 เมกะเฮิรตซ์(MHz)ที่ AIS เคยเช่า NT ในราคา 12,000 ล้านบาท แต่ในการประมูลครั้งนี้ กสทช. ตั้งต้นราคาประมูลที่ 4,500 ล้านบาท ส่วนคลื่น 2,300 เมกะเฮิรตซ์ที่ดีแทคเคยเช่า NT 7,300 ล้านบาท แต่ตั้งต้นราคาประมูลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาทเท่านั้น จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องอ้างอิงราคาจาก 10 ปีที่แล้วทั้งที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว
“กสทช.ท่านเป็นอะไรกับค่ายมือถือ ถึงต้องรักษาผลประโยชน์ให้เขาขนาดนี้ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่าเมื่อค่ายมือถือเหล่านี้ จ่ายเงินซื้อของราคาถูกแล้ว เขาจะเอาเงินส่วนต่างเหล่านี้มาลดหรือเพิ่มเป็นบริการที่ดีขึ้น ท่านบอกว่าพอเขาจ่ายถูก เดี๋ยวเขาจะไปลดค่าบริการ ทำเสาสัญญาณให้ดีขึ้น ประชาชนประเทศนี้ไม่ได้กินหญ้า ตอนอนุมัติควบควมทรูกับดีแทค กสทช.ก็อ้างแบบนี เดี๋ยวบริการจะดีขึ้น ถามว่าทุกวันนี้ มันดีขึ้นแล้วหรือยัง ประชาชนประจักษ์แก่สายตาประชาชนแล้วหรือยัง สัญญาณมือถือที่ท่านใช้รู้สึกว่ามันดีหรือห่วยกว่าเดิม โปรโมชั่นเสริมที่เมื่อก่อนนี้จะต้องแย่งลูกค้ากัน ทุกวันนี้มันหดหายไปไหน หรือกรณีค่ายมือถือล่ม กสทช. จัดการอะไรได้หรือไม่”
นอกจากนี้ น.ส.รักชนก ยังกล่าวดเวยว่ายังมีเรื่องคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ที่ยังมีหน้านั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช.ได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงของการตรวจสอบคุณสมบัติยืนยันชัดเจนว่า ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติไปแล้ว ซ่งตนเชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศเคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดวุฒิสภาสมัยที่แล้วที่ท่านเป็นพวกเดียวกัน มาจากรัฐบาลรัฐประหารเหมือนกัน ทั้ง สว.และประธาน กสทช. ยังไม่เอา
“ เอาง่ายๆว่า ขนาดสว.ชุดที่แล้วที่เป็นพวกเดียวกันยังแบกไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายเงินเดือนให้คนคนนี้ ทั้งต้องจ่ายค่าดูงานต่างประเทศ จ่ายสวัสดิการ ให้คนคนนี้มานั่งตัดสินใจเรื่องที่สำคัญขนาดนี้”
น.ส.รักชนกยังระบุด้วยว่า ต่อให้เรียกร้องให้ประธาน กสทช.ลาออกทุกสัปดาห์ ท่านก็คงไม่ออก เพราะเนื้อบริเวณใบหน้าท่านอาจจะหนากว่าคนทั่วไป หาก ท่านลงจากอำนาจมา ก็น่าจะมีฝ่าเท้าที่คอยเหยียบย่ำท่าน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ตัวประธาน กสทช.จัดการตัวเอง และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ต่องทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ ประธาน กสทช.ได้จัดการกับปัญหานี่เสียที
“ ถ้าจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศจริงๆ นายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดเรื่องราวความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นในองค์กร กสทช.นี้เสีย” น.ส.รักชนก กล่าวและว่า กสทช.น่าจะเปลี่ยนชื่อเถอะ จากองค์กรบริหารคลื่นความถี่ ไปเป็นองค์กรบริหารคลื่นความถี่เพื่อกลุ่มทุน แล้ววงเล็บข้างหลังไปด้วยว่ากลุ่มทุนไหน เพราะตอนนี้กลุ่มทุนที่ว่า แทบจะสั่งให้ กสทช. สำนักงานและบอร์ดซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ท่านเปลี่ยนชื่อไปเลย มันจะได้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าองค์กรนี้จัดสรรคลื่นความถี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว