วานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม 2568) เวลาประมาณ 13.00 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จับกุมนางสาวปานหทัย หรือ นางสาวนริศรา (สงวนนามสกุล) แม่ทีมแชร์แม่มณี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 26/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 คดีพิเศษที่ 9/2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขณะจะเดินทางไปฉลองวันเกิดที่ต่างประเทศ ซึ่งเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับกุมและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ผู้ต้องหา รับทราบแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พันตำรวจโท อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ จึงได้มอบหมายให้ นางสาวปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 และร้อยตำรวจโทหญิง วรวรรณ รักพยัคฆ์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ รับตัวนางสาวปานหทัย หรือนางสาวนริศรา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 9/2563 เพื่อทำการสอบสวนและจะได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังในลำดับต่อไป
ซึ่งคดีนี้ นางสาววันทนีย์ (สงวนนามสกุล) หรือ แม่มณี กับพวกรวม 31 คน ได้ร่วมกัน หลอกลวงผู้อื่นด้วยการโฆษณาในสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ชื่อ “มณีรัตน์ สุรางค์มธุรสธรรมสว่างกุล” “Nadear Wanthanee” “มั่งมี ศรีสุข บารมี เพิ่มพูน” และ “ฝากยอด ต่ออนาคต” โดยการโพสต์ข้อความและถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊กว่า รับฝากเงิน ออมเงิน วงละ 1,000 บาท ตกลงจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 93 ต่อเดือนของเงินลงทุน ระยะเวลาฝาก 1 เดือน จ่ายคืนทั้งต้นและดอก โดยมีรูปแบบการลงทุน คือ ชักชวนให้นำเงินมาออมไว้กับแม่มณี เสนอให้ผลตอบแทน 93 เปอร์เซ็นต์ เมื่อครบกำหนด 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีการประกาศให้ลงทุนและให้ผลตอบแทนอีกหลายอัตรา ซึ่งคิดผลตอบแทนที่เสนอให้เป็นอัตราตั้งแต่ร้อยละ 1,116 บาท จนถึง 3,040.45 บาท ต่อปี ซึ่งถือว่าเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยการชักชวนนี้ทำให้ประชาชนหลายพันคน รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนในคดีนี้จำนวน 1,133 ราย หลงเชื่อส่งมอบเงินลงทุนไปยังกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ทำให้ประชาชนทั่วไป สูญเสียเงินที่ลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาท


