“รัฐบาลโชว์อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ลดจาก 36% เหลือ 19% แต่ยังไม่จบ เพราะยังไม่เคลียร์อัตราภาษีฝั่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมาไทย ซึ่งกำลังสร้างความกังวลว่า จะก่อความเดือดร้อนแก่เกษตรกรอย่างหนัก กระทบแรงงาน 12 ล้านคน เชื่อมโยงกับคนในครอบครัวอีก 40 ล้าน สร้างความเสียหายต่อเกษตรไทยมากกว่า 120,000 ล้านบาท”

เมื่อเร็วๆ นี้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟสบุ๊คว่า รัฐบาลควรพูดความจริงถึงการแลกเปลี่ยนภาษีนำเข้าไทย–สหรัฐ
ที่ผ่านมา รัฐบาลโชว์แค่ผลงานอัตราภาษีลดลงจาก 36% เหลือ 19% ซึ่งจะว่าไปแล้ว ไม่ใช่ฝีมือของทีมเจรจาไทย

หากในข้อเท็จจริง เป็น “ทรัมป์” ให้รางวัลแก่ไทยและกัมพูชา ในฐานะเป็นเด็กที่เชื่อฟัง
1.เกษตรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ 2.เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู
เนื่องจากราคาข้าวโพดของไทย สูงกว่าราคาสหรัฐ ประมาณ 1.5 เท่า เมื่อนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงหมู ทำให้ราคาเนื้อหมูของเกษตรกรไทย สูงกว่าราคาสหรัฐประมาณ 1.3 เท่า
เกษตรกรสองกลุ่มนี้ อาจถึงขั้นล้มละลาย
กระทบต่อเนื่องถึงแรงงานไทยในภาคเกษตร 12 ล้านคน เชื่อมโยงกับคนในครอบครัวอีก 40 ล้านคน
แม้ รมว.คลัง จะออกมาแจ้งกับสื่อว่า จะช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการกำหนดโควตานำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ นำเข้าเฉพาะส่วนเกินปริมาณที่ปลูกในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน
บีบโควต้านำเข้าเนื้อหมูสหรัฐฯ เหลือเพียง 1-2% ของปริมาณการบริโภคไทย
แต่โควต้าเหล่านี้ เป็นเพียงแนวคิดของ รมว.คลัง ขณะที่ทีมสหรัฐฯ ยังไม่ได้ตกลงกับไอเดียนี้!?!
ดังนั้น รัฐบาลควรสารภาพต่อประชาชนว่า การฝ่าวิกฤตนี้ ยังไม่จบ?!?

และต้องนำเสนอข้อมูล ออกเอามาตีแผ่ เพื่อให้กลุ่มที่จะถูกกระทบเตรียมตัวรับมือแต่เนิ่นๆ
เช่นเดียวกับ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ออกมาเรียกร้องรัฐบาลไทย ขอให้ทบทวนและถอดเนื้อหมูออกจากบัญชีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
หากยังเดินหน้าตามข้อเสนอเดิม อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเกษตรไทย มากกว่า 120,000 ล้านบาท และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตทั้งระบบ โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ที่อาจต้องสูญเสียอาชีพอย่างถาวร
โดย นายชยุต รุ่งพัฒนาชัยกุล นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า สหรัฐฯ มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้ผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลก และยังได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง
หากไทยยอมให้สหรัฐฯ ได้สิทธิพิเศษทางภาษีที่ 0% เท่ากับเปิดทางให้หมูราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมภายในประเทศโดยตรง
การนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ แม้เพียง 1% ของการบริโภคในประเทศ หรือประมาณ 10,000 ตัน เท่ากับ 10 ล้านกิโลกรัม จะกลายเป็นตัวเร่ง ให้ราคาหมูในประเทศตกต่ำทันที และกระทบต่อผู้เลี้ยงรายย่อย กว่า 145,000 รายทั่วประเทศ

ด้าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้ารัฐบาลไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา มีรายการใดบ้างที่เราให้สหรัฐอเมริกา 0% ประเทศไทยจะกระทบเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ซึ่งเรื่องนี้เป็นความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องวางแผนรับมือก่อนสายเกินไป
#สืบจากข่าว รายงาน