รายการ ”โหนกระแส“ เมื่อ 4 ก.ย.68 เปิดประเด็นร้อนโดยอดีตทีมงานจิตอาสาของ “เจนญาณทิพย์” พร้อมทนายความ ได้ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมที่น่ากังขา ทั้งเรื่องการเรี่ยไรเงินและทองคำบริจาค การจำหน่ายวัตถุมงคลที่อ้างว่ามีที่เดียวในโลก รวมถึงการกล่าวอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ
การเปิดโปงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ “เจนญาณทิพย์” ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าอ้างตัวเป็นผู้มีญาณต่อจาก “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” และเปิดรับบริจาคเงินเข้าบัญชีส่วนตัว เพื่อนำไปซื้อทองสร้างเจดีย์และสร้างสถานปฏิบัติธรรม
ในรายการ ”นายแมน“ อดีตทีมงานที่คลุกคลีกับ เจน ญาณทิพย์ กว่า 1 ปีครึ่ง ได้เปิดประเด็นเรื่องการบริจาคทองคำที่ยังเป็นปริศนา โดยระบุว่ามีการเปิดรับบริจาคทองคำเพื่อนำไปหลอมใส่เศียรพระและบรรจุในเจดีย์ที่สำนักปฏิบัติธรรม จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของ เจน ญาณทิพย์ เอง แต่ผ่านมาแล้วกว่า 3 ปี 8 เดือน ทองคำบริจาคจำนวนมากที่คาดว่ามีน้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม ยังคงอยู่ที่บ้านของ เจนญาณทิพย์ และไม่มีการนำไปหลอมหรือบรรจุในเจดีย์ตามที่กล่าวอ้าง
นายแมน กล่าวว่า เจนญาณทิพย์ ให้เหตุผลว่าเจดีย์รั่วและถูกโจรขึ้น แต่ทีมงานยืนยันว่าเจดีย์ได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วตั้งแต่ก่อนที่นายแมนจะลาออก และโจรก็เข้ามาขโมยของก่อนที่จะมีการเปิดรับบริจาคทองคำด้วยซ้ำ
ทนายแก้ว ได้ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีโทษจำคุกและปรับ เพราะเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อและบริจาคทรัพย์สิน
“ญาณทิพย์โอสถ” และ “กรามหมู” จากเทวดา
นอกจากประเด็นเรื่องทองคำแล้ว อดีตทีมงานยังได้แฉเรื่อง “ญาณทิพย์โอสถ” ที่อ้างว่ามีเทวดามาบอกสูตรให้ แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงยาหม่องที่ซื้อมาแล้วให้จิตอาสาช่วยกันกรอกและติดฉลากเอง นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายวัตถุมงคลสุดพิลึก นั่นคือ “กรามหมู” ที่มีอดีตทีมงานชื่อ “นายเอก” เป็นผู้จัดทำ โดยระบุว่าถูกขายในราคาชิ้นละ 3,000 บาท
นายเอก เล่าว่า กรามหมูเหล่านี้ถูกซื้อมาเป็นเข่งในราคาเหมา จากนั้นทีมงานจะต้องช่วยกันขูดเศษเนื้อออก นำไปตากแดด และเขียนยันต์ด้วยปากกาธรรมดาๆ ซึ่งกระบวนการทำเต็มไปด้วยความสกปรกและมีกลิ่นเหม็น แม้แต่ผู้ซื้อบางรายก็ยังต้องนำมาคืนเพราะมีกลิ่นและขึ้นรา เจนญาณทิพย์ อ้างว่ากรามหมูนี้เป็นของขลังที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เทวดาเป็นผู้ให้ตำรามา มีสรรพคุณในการป้องกันโรคคางทูม คุณไสย และมนต์ดำ แต่กลับไม่สามารถส่งออกนอกประเทศได้ เพราะ “ตม.ยังสะดุ้ง ศุลกากรยังผวา” ซึ่งอดีตทีมงานระบุว่าเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริงและไร้สาระ
ขณะเดียวกัน อดีตทีมงานยังแฉพฤติกรรมการอวดอ้างอิทธิฤทธิ์อื่นๆ เช่น การสื่อสารกับ “พระนางเรือล่ม” การทำนายภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว และการอ้างตัวว่าหากตายไปแล้วจะเป็น “พญามัจจุราช” ผู้มีสิทธิ์ตัดสินผู้ที่เคยปรามาสตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างความกังขาให้กับผู้ที่รับชมรายการอย่างมาก
ทางรายการพยายามติดต่อ นาง”รุ้งตะวัน“ ผู้จัดการส่วนตัวของ เจนญาณทิพย์ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนางรุ้งตะวันได้บล็อกเบอร์โทรศัพท์ของทีมงานโหนกระแสทุกเบอร์ เป็นเหตุให้ไม่สามารถติดต่อได้
เหล่าอดีตทีมงานยืนยันว่าสิ่งที่ออกมาพูดในวันนี้ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว แต่เป็นเพราะต้องการให้สังคมได้รับรู้ความจริง และตั้งข้อสังเกตว่าเงินบริจาคจำนวนมหาศาลที่ได้รับไปนั้น ถูกนำไปใช้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์จริงหรือไม่ และเมื่อไหร่จะมีการเปิดสำนักปฏิบัติธรรมให้ผู้บริจาคได้เข้าไปปฏิบัติธรรมตามที่เคยประกาศไว้เสียที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม วันนี้ 5 ก.ย.68 เวลา 09.30 น. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ นฃจะพาบุคคล 5 รายที่เชื่อว่าตกเป็นเหยื่อ เจนญาณทิพย์ เข้าพบ พงส.กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณภาพจาก รายการ ”โหนกระแส“
