วันพุธ, กันยายน 10, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมดีเอสไอส่งฟ้อง "ดีคอนแทค" ฐานอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หลังราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ ร้องเรียนตั้งแต่ปี 2563

Related Posts

ดีเอสไอส่งฟ้อง “ดีคอนแทค” ฐานอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หลังราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ ร้องเรียนตั้งแต่ปี 2563

ขณะที่สภาผู้บริโภคเตือน ยังมีอาหารเสริมโฆษณาเกินจริงวางขายเกลื่อนออนไลน์ ชี้ช่องโหว่กฎหมายยังตามไม่ทันดีเอสไอส่งฟ้อง 17 ผู้ต้องหาคดี “ดีคอนแทค” โฆษณาหลอกลวง
วันนี้ (10 กันยายน 2568) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 52/2563 ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ดีคอนแทค” และ “ดีคอนแทคพลัส” ให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 17 ราย (เป็นนิติบุคคล 2 ราย และบุคคลธรรมดา 15 ราย) หลังพบพฤติการณ์อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงและหลอกลวงประชาชน


คดีนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2563 หลังจากที่ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อดีเอสไอ เนื่องจากพบการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ทั้ง YouTube, Facebook และเว็บไซต์ ที่มีการนำชื่อและรูปภาพของจักษุแพทย์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวสามารถรักษาโรคตาได้หลายชนิด เช่น ต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก วุ้นในตาเสื่อม และเบาหวานขึ้นตา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว “ดีคอนแทค” เป็นเพียงอาหารเสริมที่ไม่สามารถรักษาโรคได้
การสอบสวนพบว่ามีผู้ต้องหาทั้งหมด 21 ราย โดยมีผู้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 18 ราย และอยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 1 ราย ขณะที่ผู้ต้องหาอีกส่วนหนึ่งถูกดำเนินคดีไปแล้วในคดีพิเศษที่ 53/2563 กรณีผลิตภัณฑ์ “ไซตาพลัส” ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำพิพากษาให้จำคุกและปรับผู้ต้องหาไปเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568


การกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550, พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหาโฆษณาอันเป็นเท็จและหลอกลวงผู้บริโภค รวมถึงการผลิตและจำหน่ายอาหารปลอม
สภาผู้บริโภคเตือน! แม้ถูกจับแล้วก็ยังขายออนไลน์ได้


ด้าน สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ออกมาเตือนภัยว่า แม้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาที่โฆษณาเกินจริงหลายยี่ห้อจะเคยถูกดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่ก็ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่และปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวดเพียงพอ


สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ร่วมกับราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ และพบว่าจากรายชื่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงดวงตาที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง 22 รายการที่เคยส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตรวจสอบ ปัจจุบันมีถึง 14 รายการ ที่แม้จะถูก อย. สั่งให้ระงับการโฆษณาและดำเนินคดีไปแล้ว แต่ก็ยังคงวางขายอยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ


ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรค เพราะอาหารเสริมไม่ใช่ยา และหากมีปัญหาด้านสุขภาพดวงตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมจะดีที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts