การกลับมาของ “พลังชลคนบูรพา” กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีที่ถือเป็นฐานที่มั่นดั้งเดิมมาหลายทศวรรษ การผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้มีเพียงมิติทางการเมือง แต่ยังสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนชายฝั่งที่อยากเห็นพลังขับเคลื่อนซึ่ง “เข้าใจคนท้องถิ่นจริง”
ประวัติศาสตร์ทางการเมืองในพื้นที่นี้บอกเรามานานแล้วว่า ชลบุรีและชายฝั่งบูรพามีอิทธิพลต่อสมรภูมิการเมืองระดับชาติ พรรคพลังชลซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 ภายหลังได้ปรับชื่อเป็นพลังบูรพา ยังคงมีบทบาทเป็นเครือข่ายทางการเมืองที่มีสายสัมพันธ์กับชุมชน และวันนี้ชื่อ “พลังชลคนบูรพา” ถูกนำกลับมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์ของความสามัคคีและเลือดน้ำเค็มเข้มข้น
แต่คำถามคือ…การกลับมาในครั้งนี้ จะเป็นเพียงการ “ปลุกสัญลักษณ์” หรือจะกลายเป็นพลังที่จับต้องได้จริง?
ประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพชายฝั่ง นักท่องเที่ยว และกลุ่มแรงงานท้องถิ่น ล้วนมีความต้องการที่ชัดเจน ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากร การคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสมดุล หาก “พลังชลคนบูรพา” สามารถตอบสนองได้จริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เสียงชายฝั่งมีน้ำหนักมากขึ้นในเวทีการเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การพิสูจน์ตนเองว่าไม่ได้ยึดติดกับภาพเก่า ๆ ของการเมืองท้องถิ่น แต่สามารถก้าวข้ามไปสู่การเป็น “พลังใหม่” ที่ประชาชนไว้วางใจได้อย่างแท้จริง
นี่คือสิ่งที่ต้องจับตา การกลับมาของ “พลังชลคนบูรพา” จะเป็นเพียงการสร้างภาพ หรือจะเป็นการสร้างพลังทางการเมืองที่แท้จริงของภาคตะวันออก?
#พลังชลคนบูรพา #ชลบุรี #ภาคตะวันออก #การเมืองไทย