รายใหญ่รับงานก่อสร้างบ้าน ราคาหลังละ 3-10 ล้านบาท แต่ทิ้งงานไปรับลูกค้ารายใหม่ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
นางสรัญญา สงวนนามสกุล อายุ 50 เปิดเผยว่า ต้องการสร้างบ้าน จึงหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจนพบกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างบริษัทหนึ่งผ่านทางโซเชียล ได้มีการเข้าไปติดตามดูรีวิวพบว่ามีรีวิวดีมีการส่งมอบบ้านจริง จึงทำให้เกิดความเชื่อใจ จึงได้ติดต่อไปที่บริษัทดังกล่าวเพื่อขอสร้างบ้านโดยได้มีการทำสัญญาจ้าง ทั้งหมด 14 เดือนจะต้องแล้วเสร็จ และส่งมอบบ้านในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มูลค่าการก่อสร้าง 4.7 ล้านบาท โดยทางบริษัทได้มีการเบิกเงินไปแล้ว 4 ล้านบาท
ปรากฏว่าหลังจากสัญญาหมดไปแล้ว 7 เดือน บ้านก็ยังสร้างไม่เสร็จเป็นบ้านโล่ง มีแต่โครงสร้าง ไม่มีความคืบหน้าแม้แต่หน้าต่าง ประตูก็ยังไม่มี ช่างก็ไม่เข้ามาทำงาน ในช่วงแรกได้มีการโทรไปร้องเรียนที่เบอร์กลางของบริษัท ฝ่ายแรกที่คุยคือฝ่ายขายจากการพูดคุยได้รับคำตอบว่าทางบริษัทจะไปประสานงานให้ และจะทำให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน แต่ก็เหมือนเป็นการติดต่อไปฝ่ายเดียว เพราะทางบริษัทไม่มีความคืบหน้ากลับมาให้ และมีการพูดคุยกันล่าสุด คือต้องแล้วเสร็จ และต้องส่งมอบบ้านภายในสิ้นเดือนกันยายน 68 ถ้าหากยังไม่แล้วเสร็จตนเองจะไปร้องเรียนที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (ส.ค.บ.) ทางบริษัทก็รับปากว่าจะทำให้เสร็จแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเหมือนเดิม
ด้าน นายสมยศ ไชยผล ทนายความตัวแทนของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้มีการรวมตัวกันผ่านกลุ่มไลน์ตอนนี้มีผู้เสียหายประมาณ 163 คน ในการทำสัญญาเป็นสัญญาแพ่ง จ้างทำสัญญาก่อสร้าง ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีพฤติกรรมที่คล้ายๆกัน คือ เมื่องานก่อสร้างได้ระยะหนึ่ง ก็จะไม่ทำงานต่อให้เสร็จจนเกิดปัญหาล่าช้าไม่มีคนงาน แต่มีการเบิกเงินไปแล้วจำนวนมาก ทั้งนี้มองว่าหากเกิดความเสียหายกับคนๆ เดียว จะเป็นความเสียหายทางแพ่งได้ แต่พฤติกรรมเหล่านี้กลับมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความผิดปกติของการทำธุรกิจ จึงได้มีการรวมตัวมาร้องขอความเป็นธรรมกับพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
นายสมชาย นามสมมุติ อายุ 40 ปี นักธุรกิจ ผู้เสียหายอีกราย บอกว่าในขณะนั้นต้องการสร้างบ้านสองชั้น ซึ่งไปพบกับราคาโปรโมชั่นของบริษัทแห่งนี้ ในราคา 4.8 ล้านบาท เป็นสัญญา 420 วัน แต่ก่อสร้างไปแล้วราคาที่ก่อสร้างกับสูงขึ้นเรื่อยๆเกือบ 6 ล้านบาท โดยทางบริษัทอ้างว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในการก่อสร้างผนังบ้าน ซึ่งตัวเองได้มีการจ่ายเงินไปแล้วกว่า 5 ล้านบาท พบปัญหาเกิดรอยร้าว พบว่าบางจุดของบ้านมีปัญหาพยายามให้ช่างเข้าไปแก้ไขแต่ช่างกลับไม่แก้งานเดิมแต่ทาสีทับแทน จึงหวั่นต่อความปลอดภัยจึงยังไม่เข้าไปอยู่อาศัย
ผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่เดินทางมาในวันนี้จะถูกบริษัทดังกล่าวทำในพฤติกรรมเดียวกัน คือก่อสร้างไปแล้วแล้วก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ต้องการที่จะสร้างบ้านเพื่อเข้าไปอยู่อาศัย และมีความเชื่อใจในบริษัทแห่งนี้เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเปิดมานานกว่า 10 ปี และมีผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊ก เกือบ 1,000,000 คน และจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทนี้มีการตั้งอยู่จริงมีการจดทะเบียนถูกต้อง
นางสาวสมหญิง(นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ผู้เสียหายหญิงอีกหนึ่งรายเธอ เปิดใจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตัวเองไม่มีความรู้ในการสร้างบ้านจึงได้ไปติดต่อที่บริษัทดังกล่าวเนื่องจากไว้ใจเห็นว่ามีบริษัทอยู่หลายแห่งในประเทศ เพราะต้องการสร้างบ้านให้แม่ และน้องเข้าไปอยู่อาศัยโดยเธอต้องไปกู้เงินจากทางธนาคารมาเพื่อสร้างบ้าน แต่บ้านก็สร้างไม่แล้วเสร็จ ทำให้ตัวเองต้องแบกภาระผ่อนชดใช้หนี้กับทางธนาคาร และต้องหาเงินมาทำบ้านเอง จึงอยากฝากบอกถึงบริษัทดังกล่าวว่าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่น รวมถึงไม่อยากให้คนที่กำลังสร้างบ้านต้องมาเจอเรื่องราวเช่นเดียวกับตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีนายสมศักดิ์ อายุ 58 ปี ตัวแทนผู้เสียหายจากบริษัทรับเหมา เปิดเผยว่า รับงานจากบริษัทดังกล่าวมาครึ่งปี โดยตัวเองรับเหมาทำโครงสร้างฉาบหลังคาซึ่งจะมีการจ้างงานเป็นรายครั้ง เป็นงานๆ ไป แต่ทางบริษัทนั้นจ่ายเงินไม่ครบจำนวน 70,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ทำงานให้ลูกค้าไม่จบเนื่องจากไม่สามารถ เบิกเงินค่าแรงให้กับช่าง ทำให้งานเกิดความล่าช้า ซึ่งจากการสอบถามบริษัทรับเหมาบริษัทอื่นอื่นๆที่เคยทำงานร่วมกับบริษัทแห่งนี้ก็โดนในลักษณะเดียวกันที่ไม่มีการจ่ายเงินให้กับช่างรับเหมา จึงทำให้งานสร้างบ้านของลูกค้าไม่แล้วเสร็จ
หลังจากผู้เสียหายเปิดเผยข้อมูลให้กับสื่อมวลชนแล้วจึงเดินตบเท้าขึ้นไปยังชั้น 27 อาคารพิทักษ์สันติ เพื่อพบพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ หรือบิ๊กเต่า ที่ได้แนะนำผู้เสียหายให้รวมตัวกันมาเป็นจำนวนมากก่อนจะมอบหมายให้ไปพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความเอาผิดในกรณีฉ้อโกงเป็นปกติธุระ














