วันจันทร์, ธันวาคม 29, 2025

ทส.หนุน 96 ‘ทัพหน้า’ สู้โลกร้อน

ไม่ใช่แค่งานมอบรางวัล แต่คือการเปิดแผนที่ชี้ชะตาประเทศไทยในสมรภูมิการค้าโลกครั้งใหม่ เมื่อ 96 องค์กร ตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ถึงชุมชนเล็กๆ ถูกยกให้เป็น ‘ทัพหน้า’ ในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ… แต่เบื้องหลังกลไกชื่อย่อ T-VER และ LESS ที่หลายคนไม่คุ้นหู แท้จริงแล้วคืออะไร? และเหตุใด ‘คาร์บอนเครดิต’ ที่พวกเขาผลิตได้ จึงอาจเป็น ‘สกุลเงินใหม่’ ที่กำหนดความอยู่รอดของเศรษฐกิจไทยในอนาคตอันใกล้นี้

ค่ำคืนของวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ในห้องบอลรูมใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณ ในงาน “รวมพลังลดโลกร้อน สู่อนาคตที่ยั่งยืน” เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติหน่วยงาน องค์กร ชุมชน และบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายใต้โครงการ Thailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) และ Low Emission Support Scheme (LESS) เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี ของโครงการ T-VER และครบรอบ 10 ปี ของโครงการ LESS โดยมี นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้การต้อนรับ และมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องอัศวินแกรนด์ บอลรูม โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น

งานดังกล่าว อาจดูเหมือนเป็นเพียงพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติธรรมดา แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงพลังงาน สิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ภาพของ 96 ตัวแทนจากองค์กรทั่วประเทศที่ขึ้นรับโล่เกียรติคุณจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น มีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่า

พวกเขาไม่ใช่แค่องค์กรดีเด่น แต่คือ “ผู้เล่น” กลุ่มแรกๆ ในสมรภูมิใหม่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปากท้องและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นั่นคือ “สมรภูมิคาร์บอน”

นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังโล่รางวัล 96 ใบ ที่เชื่อมโยงกับอนาคตของทุกคน

ทส.: แม่ทัพใหญ่ ผู้วางหมากเกม ‘โลกร้อน’

ก่อนจะเจาะลึกถึงกลไก T-VER และ LESS สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ โครงการเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย แต่เป็นผลผลิตจากการวางยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาวโดยมี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็น “แม่ทัพใหญ่”

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือผู้รับผิดชอบหลักในการแปลงคำมั่นสัญญาที่ประเทศไทยให้ไว้กับประชาคมโลก—โดยเฉพาะเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065—ให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่จับต้องได้จริง กระทรวงฯ ทำหน้าที่เป็นทั้ง ‘สถาปนิก’ ผู้ออกแบบโครงสร้างและนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ และเป็น ‘ผู้กำกับดูแล’ ให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามทิศทางที่ถูกต้อง

โดยมี องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับของ ทส. ทำหน้าที่เป็น “หน่วยปฏิบัติการพิเศษ” ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการสร้างเครื่องมือและตลาดคาร์บอนให้เกิดขึ้นจริง ดังนั้น บทบาทของ ทส. จึงไม่ใช่แค่การจัดอีเวนต์มอบรางวัล แต่คือการสร้าง ‘ระบบนิเวศ’ ทั้งหมด ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายระดับประเทศ การออกกฎระเบียบ ไปจนถึงการสร้างแรงจูงใจผ่านโครงการอย่าง T-VER และ LESS เพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือด้วยกฎเกณฑ์ในอนาคต ต้องเดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน

T-VER / LESS: ไม่ใช่แค่ชื่อย่อ แต่คือ ‘ใบอนุญาต’ สู่โลกอนาคต

หลายคนอาจขมวดคิ้วกับคำว่า T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) และ LESS (Low Emission Support Scheme) แต่หากจะอธิบายให้เห็นภาพที่สุด T-VER คือกลไกที่เปลี่ยน “ความดี” ในการลดก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็น “ทรัพย์สิน” ที่จับต้องและซื้อขายได้ เรียกว่า คาร์บอนเครดิต’

ลองจินตนาการถึงโรงงานน้ำตาลที่ลงทุนมหาศาลเพื่อเปลี่ยนกากอ้อยเป็นไฟฟ้าพลังงานชีวมวล, บริษัทอสังหาฯ ที่ออกแบบอาคารเขียวประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่เกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนการทำนาเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน… ทุกกิจกรรมเหล่านี้ จากเดิมที่เป็นเพียงต้นทุนและภาพลักษณ์ ตอนนี้สามารถนำมาคำนวณเป็นปริมาณคาร์บอนที่ลดได้ และ “ขาย” ให้กับองค์กรอื่นที่ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอนของตนเอง

T-VER จึงเป็นเหมือน “ตลาดหลักทรัพย์แห่งความดี” ที่สร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจให้ภาคธุรกิจหันมาลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดอย่างจริงจัง

ขณะที่ LESS คือกลไกที่เปิดประตูให้ “คนตัวเล็ก” ได้เข้ามามีส่วนร่วม ชุมชนที่ช่วยกันดูแลผืนป่า, โรงเรียนที่ทำโครงการคัดแยกขยะ, อบต. ที่จัดการน้ำเสียอย่างถูกวิธี แม้ปริมาณคาร์บอนที่ลดได้จะไม่มากพอจะเข้าตลาด T-VER แต่ อบก. จะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ เป็นการสร้างฐานและปลุกจิตสำนึกให้การลดโลกร้อนกลายเป็น DNA ของสังคมไทยตั้งแต่ระดับรากหญ้า

เจาะลึก 96 องค์กร: พวกเขาไม่ใช่แค่ ‘คนดี’ แต่คือ ‘นักยุทธศาสตร์’

การที่ 96 องค์กร ทั้งรัฐ เอกชน และชุมชน ได้รับรางวัลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเกินกว่าแค่การทำ CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม)

ในวันที่โลกกำลังเดินหน้าสู่มาตรการกำแพงภาษีคาร์บอน (CBAM) ของสหภาพยุโรป และอีกหลายประเทศทั่วโลก การส่งออกสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนสูง จะต้องเผชิญกับต้นทุนมหาศาลจนอาจแข่งขันไม่ได้ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ของผลิตภัณฑ์กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนที่สำคัญไม่แพ้วัตถุดิบหรือค่าแรง

“ภูมิคุ้มกัน” ให้กับธุรกิจของตัวเอง และในภาพรวมคือการรักษาขีดความสามารถในการส่งออกของประเทศไทยไว้

  • กลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรม: กำลังเปลี่ยนผ่านจากผู้ร้ายในอดีต มาสู่การเป็นฮีโร่ ด้วยการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร

  • กลุ่มป่าไม้และการเกษตร: กำลังเปลี่ยนต้นไม้ทุกต้นในสนามหญ้า ป่าชุมชน หรือสวนปาล์ม ให้กลายเป็น “เครื่องจักรดูดซับคาร์บอน” ที่สร้างรายได้กลับคืนมา

  • กลุ่มจัดการของเสียและชุมชน: กำลังพิสูจน์ว่า แม้แต่ “ขยะ” ที่ทุกคนเบือนหน้าหนี ก็สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและรายได้ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นจริงได้ในระดับท้องถิ่น

ก้าวต่อไป: จาก 96 สู่ ‘ล้าน’ คือความท้าทายที่แท้จริง

ดร.ชญานันท์ กล่าวว่า “โครงการ T-VER และ LESS ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง และพลังความร่วมมือที่ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”

แม้พิธีมอบรางวัลจะเป็นหมุดหมายที่น่าชื่นชม แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางที่ยังอีกยาวไกลสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2065

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ: เราจะขยายผลความสำเร็จจาก 96 องค์กรนี้ให้กลายเป็นมาตรฐานของทั้งประเทศได้อย่างไร? ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจจะเติบโตและมีเสถียรภาพพอที่จะดึงดูดการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน? และภาครัฐภายใต้การนำของ ทส. จะมีมาตรการสนับสนุน “คนตัวเล็ก” ในโครงการ LESS ให้สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาสู่ตลาด T-VER ได้อย่างไร?

โล่รางวัลทั้ง 96 ใบที่มอบให้ในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่เครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่เป็นเหมือน “คบเพลิง” ที่ถูกจุดขึ้นเพื่อส่งต่อให้กับองค์กรอื่นๆ อีกนับหมื่นนับแสนทั่วประเทศได้รับรู้ว่า การต่อสู้กับภาวะโลกร้อนไม่ใช่ภาระ แต่คือ “โอกาส” ครั้งสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และการอยู่รอดของประเทศไทยบนเวทีโลกยุคต่อไป…

นี่คือการแข่งขันที่ไม่มีใครสามารถเป็นผู้แพ้ได้

#สืบจากข่าว รายงาน

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

3 ขุนพลชิงนายกฯ “พรรคโอกาสใหม่”

EXCLUSIVE: แกะรอย “โอกาสใหม่” เปิดหน้า 3 แคนดิเดตนายกฯ หมากเกมลึก “รัฐราชการ” ผสม “ขุนพลภูธร” “...สัญญาณลับผ่าทางตัน... “ตัวจริง” ที่วงการคาดไม่ถึง ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาและความขัดแย้งทางการเมืองที่ไร้ทางออก ข้อมูลล่าสุดที่ทีมข่าว #สืบจากข่าว เจาะลึกได้จาก “แหล่งข่าวระดับสูง” เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2568 กำลังส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วกระดานอำนาจ เมื่อการขยับตัวของ “พรรคโอกาสใหม่” หมายเลข 44 ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่สีสันทางการเมือง แต่ถูกวงในประเมินตรงกันว่า นี่คือการ “เปิดหน้าชก” ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ข้อมูลเชิงลึกระบุว่า รายชื่อ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ถูกวางหมากมาอย่างประณีตนั้น เปรียบเสมือน “ดรีมทีม” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ “ผ่าทางตันประเทศไทย”...

เลขเบิ้ลเขย่าเกมการเมือง!

ผ่ากลยุทธ์ตัวเลขเลือกตั้ง 69: เมื่อ "เลขเบิ้ล" ท้าชน "เลขตัวเดียว" จิตวิทยาการกาบัตรที่พรรคใหญ่ห้ามมองข้าม ส่องเบอร์พรรคดัง! ใครได้เลข "จำแม่น" ใครต้องเหนื่อย "พีอาร์"? สรุปครบจบที่นี่ก่อนเข้าคูหา “...บรรยากาศการจับสลากเบอร์พรรคเช้านี้ (28 ธ.ค.) บอกเลยว่าดุเดือดกว่าทุกปี! หลายคนอาจโฟกัสว่า "พรรคใหญ่ขั้วเดิม" แย่งกันชิงเลขตัวเดียวเพื่อความง่าย แต่ในมุมมองของนักการตลาดการเมือง สิ่งที่น่าจับตายิ่งกว่าคือกลุ่ม "Dark Horse" หรือพรรคม้ามืดที่คว้า "เลขเบิ้ล" (Double Digits) ไปครอง เพราะในทางจิตวิทยา ตัวเลขซ้ำกันคือสิ่งที่ดึงดูดสายตาและจดจำได้ง่ายที่สุดโดยธรรมชาติ ท่ามกลางกระแสคนที่เริ่มเบื่อความขัดแย้งเดิมๆ การที่พรรคทางเลือกใหม่ๆ ได้เบอร์ที่ "เตะตา" ผลงาน “ต้องใจ” อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คะแนนเสียงไหลเปลี่ยนทิศได้ง่ายๆ ครับ สมรภูมิเลขตัวเดียว: พื้นที่เดิมของ...

สนามสุราษฎร์ฯ สั่น! บ้านใหญ่ยังคุมเกมได้หรือไม่? “กำนันเอก” กับโจทย์การเมืองใหม่ของบ้านเกิด

“...ท่ามกลางภูมิทัศน์การเมืองที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีถูกขับเคลื่อนมายาวนานด้วยตระกูลการเมือง เครือข่ายอำนาจท้องถิ่น และการจัดวางตัวผู้สมัครตามสมดุลของพรรคใหญ่ การเลือกตั้งรอบนี้เริ่มปรากฏสัญญาณความเปลี่ยนแปลงบางประการ เมื่อ นายศาสตรา ชูศักดิ์ (กำนันเอก) ผู้สมัครจากพรรคการเมืองหน้าใหม่อย่างพรรคโอกาสใหม่ ก้าวเข้าสู่สนามด้วยบทบาทที่แตกต่างออกไป—ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของสายสัมพันธ์ทางการเมืองเดิม หากแต่ในฐานะบุคคลที่สั่งสมประสบการณ์จากโครงสร้างท้องถิ่นโดยตรง และถูกจับตามองว่าอาจสะท้อนแนวคิดการเมืองอีกแบบหนึ่ง ในช่วงเวลาที่คำถามต่อระบบเดิมเริ่มดังขึ้นในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่อาจเป็น “โอกาสใหม่” ของการเมืองสุราษฎร์ธานีในการทดลองทางเลือกที่อธิบายได้ด้วยเหตุผลมากกว่าสายสัมพันธ์...” วันนี้ 28 ธันวาคม 2568 : จังหวัดสุราษฎร์ธานีในปัจจุบันยังคงเป็นพื้นที่ที่การเมืองผูกโยงแน่นแฟ้นกับ “บ้านใหญ่” และเครือข่ายอำนาจท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักการเมืองระดับชาติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือกลุ่มการเมืองที่มีฐานกำลังยาวนาน การแข่งขันในทั้ง 7 เขตจึงไม่ใช่เพียงการวัดความนิยมเชิงนโยบาย หากแต่เป็นการจัดวางกำลังของเครือญาติ ทีมงาน และพันธมิตรทางการเมืองที่สืบทอดกันมา อย่างไรก็ตาม ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ได้เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหวที่ต่างออกไป เมื่อ นายศาสตรา ชูศักดิ์ (กำนันเอก)...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.