นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนราย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหา อันเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ จ.72/2566 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ที่ จ.24/2566 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดพนัญเชิงวรวิหารและวัดอื่นๆ อีกกว่า 65 แห่ง ซึ่งได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
เวลา 09.30 น. วันที่ 29 ก.ย.68 พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ได้นำตัว นายนพรัตน์ฯ ผู้ถูกกล่าวหา ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 151 และ 157 ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ จ.72/2566 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 (คดีวัดพนัญเชิงวรวิหาร) เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 162/2568 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
ในส่วนของการกระทำความผิดตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ที่ จ.24/2566 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2566 (วัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 65 วัด) เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับคดีหมายเลขดำที่ อท 110 /2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 76/2567 และคดีหมายเลขดำที่ อท 133/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 125/2567 ของศาลนี้ และศาลได้มีคำพิพากษาในทั้งสองคดีดังกล่าวแล้ว จึงมีรายละเอียดและเอกสารพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและเรียบเรียงฟ้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามข้อเท็จจริง โดยจะต้องตรวจสอบว่าความผิดฐานใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาขาดอายุความบ้างหรือไม่เป็นรายกรรมไป หากมีความผิดฐานใดที่ขาดอายุความหรือมีข้อเท็จจริงใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็จะต้องเสนอสำนวนตามลำดับชั้นถึงอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาอีกครั้งก่อนยื่นฟ้องคดี ในวันนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 จึงยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ถูกกล่าวหา (ครั้งที่ 1) มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและจำนวนเงินที่ผู้ถูกกล่าวหากับพวกร่วมกันเบียดบังเงินของรัฐไปเป็นของตนเป็นจำนวนมาก พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับภายหลังก่อเหตุผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐติดตามตัวผู้ถูกกล่าวมาดำเนินคดีได้โดยยาก และเป็นบุคคลที่ได้มีการร้องขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทยเพื่อนำมาดำเนินคดี หากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนีอีก พนักงานอัยการจึงได้คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว (ประกันตัว) ไว้แล้วทั้งสองคดี


