เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ต.ค.68 ที่ บช.ก.“สีกายุ” หรือ นางสาวกัญญาภัค ชไนเดอร์ พร้อมด้วย ทนายอนันตชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ทนายอุ้ม น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับกรณีเงินบริจาคกว่า 12 ล้านบาท ที่บริจาคให้วัดนาป่าพง แต่กลับถูกนำไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศ โดยวันนี้มีการเปิดเผยเรื่องกลุ่มชายฉกรรจ์บุกบ้านพักในต่างจังหวัด สร้างความหวาดกลัวอย่างหนัก
นายอนันตชัย ไชยเดช เปิดเผยว่า การเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ของ “สีกายุ” ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศเยอรมนี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย กรณีเงิน 12.2 ล้านบาท ที่ถูกนำไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังต้องการให้ตำรวจสอบสวนกลางช่วยตรวจสอบกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4-5 คน บุกไปที่บ้านพักของ “สีกายุ” ในต่างจังหวัดถึง 2 ครั้ง โดยใช้มือถือถ่ายภาพ และเดินสำรวจในบริเวณพื้นที่ สร้างความหวาดกลัวให้กับ “สีกายุ” และคนในบ้านอย่างมาก
“ผมทราบจากสื่อมวลชนที่ไปตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นตำรวจท่องเที่ยว จึงขอฝากไปยังผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวให้ตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าไปที่บ้านของ ‘สีกายุ’ ด้วยฐานะและเหตุผลใด หรือมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหรือใครให้ไป” ทนายอนันตชัยกล่าว
พร้อมกันนี้ ทนายอนันตชัยยังระบุถึงเหตุการณ์เมื่อวาน (2 ต.ค.) หลัง “สีกายุ” ลงเครื่องบิน ก็ปรากฏว่ามีสาวกของพระคู่กรณีมาดักรอที่สนามบิน ทำให้ต้องพยายามหลบเลี่ยงออกทางอื่นเพื่อความปลอดภัย
เดินหน้าเอาผิดปมนำเงินกฐินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ในประเด็นการนำเงินกฐินไปแจกเป็นโบนัสและซื้อรถยนต์ให้บุคคลอื่นนั้น นายอนันตชัยระบุว่า ขณะนี้มีหลักฐานในมือแล้วประมาณ 80% ซึ่งเพียงพอที่จะดำเนินการในนามของมูลนิธิกองทัพธรรม เนื่องจากเห็นว่าเป็นการนำเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชนไปใช้ส่วนตัว ถือเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคที่ต้องการบำรุงพระพุทธศาสนาและสร้างถาวรวัตถุ
ด้าน “สีกายุ” ยอมรับว่า รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์มาคุกคามถึงบ้านพัก ทั้งที่เพิ่งกลับมาประเทศไทย ทำให้รู้สึกว่าถูกคุกคามและข่มขู่อย่างต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง
ทั้งนี้ “สีกายุ” ได้นำคลิปวิดีโอกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งมีทั้งที่ใส่เสื้อสีแดง สีดำ สีส้ม และสีอื่นๆ เดินอยู่ในทุ่งนา มามอบให้สื่อมวลชนเผยแพร่ เพื่อขอให้สังคมช่วยกันตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย













