เมื่อเร็วๆ นี้ มีกระแสข่าวว่า ประเทศกัมพูชา ได้ใช้จรวดที่ผลิตจากจีน ในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจีนได้ส่งจรวดและกระสุนปืนใหญ่ มายังกัมพูชา ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะมีการสู้รบ สร้างความไม่พอใจต่อ “คนไทย” จำนวนมาก
เรื่องนี้ต้องตั้ง “สติ” เพราะ “ต้นตอ” ของข่าวมาจากฝั่ง “อเมริกา”
ผู้รายงานข่าว อาจดำเนินการด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ตามข้อมูลที่ได้รับมา เพียงแต่ว่า “ข้อมูล” ที่ได้ไปนั้น ไม่ถูกต้อง
ดังที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมากล่าวถึงเรื่องว่าเป็น “ข่าวเก่า” และเป็น “ข่าวเปิด”
เนื่องจากเป็นข่าวที่ พล.อ.ณัฐพลเคยชี้แจงกับสื่อมวลชน ตั้งแต่ต้นปี 2568 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ว่า จีนได้มีการสนับสนุนอาวุธให้กับกัมพูชา ตามนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และช่วงนั้นไทยกับกัมพูชา ยังไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
แต่ถ้าเป็นช่วงนี้ ที่มีความขัดแย้งและความตึงเครียด มั่นใจว่าทางจีนคงไม่ทำ ซึ่งทางด้านการข่าว ก็ยังไม่พบการส่งอาวุธของจีน เพิ่มให้กัมพูชาแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หากจีนสนับสนุนอาวุธให้กัมพูชา ก็คงไม่ได้มีวัตถุประสงค์ ที่จะให้นำอาวุธนั้น มาใช้รุกรานประเทศไทย แต่เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา หรือในด้านการซื้อขายอาวุธระหว่างกัน ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราก็มีการซื้อขายเช่นกัน
ด้านโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ยืนยันผ่านสื่อมวลชนว่า จีนไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารใดๆ ให้กับกัมพูชา เพื่อใช้ในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา อุปกรณ์ทางทหารจากจีน ที่กัมพูชามีอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมาจากโครงการความร่วมมือระหว่างจีน-กัมพูชาที่มีอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน จีนไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว ในความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และพร้อมส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมือง ตาม “วิถีอาเซียน” ที่ยึดถือสันติภาพ เสถียรภาพ และความผาสุกของประชาชนเป็นหลัก
สรุปคือ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวเท็จ ข่าวปลุกปั่น หรือ ข่าวที่ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องตั้งสติ วิเคราะห์อย่างรอบด้าน อย่าให้ “น้ำผึ้งหยดเดียว” บั่นทอนความสัมพันธ์ไทย-จีน