วันอาทิตย์, ธันวาคม 7, 2025
หน้าแรกการเมือง"ประพันธ์ คูณมี" อดีตสว.ตีแสกหน้า กสทช.ดิ้นฟอกขาวด้วยกระดาษแผ่นเดียว?ยันผลสอบประธาน กสทช."มันจบแล้วครับนาย"

Related Posts

“ประพันธ์ คูณมี” อดีตสว.ตีแสกหน้า กสทช.ดิ้นฟอกขาวด้วยกระดาษแผ่นเดียว?ยันผลสอบประธาน กสทช.”มันจบแล้วครับนาย”

กรณีนายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประธาน กสทช. ออกมาตีโพยตีพายอ้างว่า กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยืนยันสถานะของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.ไม่ได้เป็น“พนักงานของมหาวิทยาลัย” นับแต่วันที่ได้รับเลือกและแต่งตั้งเป็น ประธาน กสทช.แล้ว และยังกล่าวว่าข้อกล่าวหาของ กรรมาธิการไอซีที วุฒิสมาชิกและเครือข่ายของสภาองค์กรผู้บริโภค ไม่เป็นความจริง นั่น

นายประพันธุ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภาและ 1 ในกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสารและการคมนาคม วุฒิสภา ออกมาตอบโต้ว่า การกระทำของผู้ให้ข้อมูล มีผลทำให้ กมธ.ไอซีที เสียหาย จึงขอเรียนมายังสื่อมวลชนและประชาชนโดยทั่วไปว่า กรณีการตรวจสอบคุณสมบัติประธาน กสทช.เป็นเรื่องสืบเนื่องจากการที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช.ในอดีตมีหนังสือร้องเรียนมายังประธานวุฒิสภา เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.ว่า ขาดคุณสมบัติตามกฎหมายหรือไม่ ประธานวุฒิสภา จึงส่งหนังสือถึง กมธ.ไอซีทีดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่

คณะกรรมาธิการไอซีที ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าว เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2562 ข้อ 78 วรรคสอง(17) จึงได้ทำการศึกษา ตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายและอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับ มิใช่เป็นการกระทำ“แบบศาลเตี้ย” ตรงกันข้ามการกระทำของ นพ.สรณฯต่างหากที่พยายามหลีกเลี่ยง ไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ.และไม่ยอมตอบชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในเรื่องที่ตนถูกร้องเรียนแต่อย่างใด อันเป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อกระบวนการตรวจสอบอันชอบด้วยกฎหมายของวุฒิสภา ทั้งๆที่ กมธ.มีหนังสือเชิญไปหลายครั้ง

นอกจากนี้ในการพิจารณาสรุปข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบ และรายงานผลสอบข้อเท็จจริงของ กมธ.ในกรณีนี้ ก็ได้เผยแพร่และเสนอต่อ ประธานวุฒิสภามาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นเวลาล่วงเลยมาร่วมหนึ่งปีเศษแล้ว แต่ นพ.สรณฯ ก็ไม่เคยเปิดปากโต้แย้งแต่อย่างใด เพิ่งจะมาแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง ด้วยข้อความที่ไม่เป็นความจริงและก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นอันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ในฐานะ กมธ.ผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและร่วมลงมติกับ กมธ.ที่มีความเห็นร่วมกันเป็นเอกฉันท์ว่า นพ.สรณ ฯ มีลักษณะเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 มาตรา 7 ข.(12) มาตรา 8 และมาตรา 26 ประกอบมาตรา 18 และมาตรา20 ขอยืนยันต่อสื่อมวลชนทั้งหลายว่า รายงานการสอบหาข้อเท็จจริง กรณีตรวจสอบคุณสมบัติของ นพ.สรณฯ ปธ.กสทช. เป็นความจริงทุกประการตามรายงานที่ กมธ.ได้เสนอต่อประธานวุฒิสภา และที่ได้เผยแพร่ต่อประชาชน

โดย กมธ.ได้พิจารณาจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ประกอบกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง กมธ ได้พิจารณาจากหลักฐานหนังสือทางราชการ ลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามจากหน่วยงานต้นสังกัดที่ให้ความร่วมมือส่งมายัง กมธ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานสำคัญๆเกี่ยวกับสถานะการเป็น”พนักงานมหาวิทยาลัย“ ของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ปรากฎรายละเอียดดังนี้คือ

หนังสือสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ด่วนที่สุด ที่ อว ๗๘/ล ๐๑๑๔๙ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เรื่องชี้แจงข้อมูลพร้อมจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง มาบังประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา โดยยืนยันเป็นหนังสือว่า

“ข้อมูลเกี่ยวกับการทำหน้าที่ตรวจและรักษาคนไข้ของ นพ.สรณฯ ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕ นพ.สรณฯ มีสถานะเป็น ”พนักงานมหาวิทยาลัย” ทำหน้าที่ตรวจและรักษาคนไข้ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ต่อมาตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๕ จนถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕ มีสถานะเป็น “แพทย์ค่าตอบแทนรายชั่วโมง” และช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๕ จนถึงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๖ นพ.สรณฯ จึงไม่พบสถานะการเป็นบุคคลากรของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

นอกจากนี้ยังแจ้งด้วยว่า นพ.สรณฯ ได้รับค่าตอบแทนในการทำหน้าที่ตรวจและรักษาคนไข้ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตามระยะเวลาที่ปฎิบัติงานดังกล่าวข้างต้นด้วย

“หนังสือของส่วนงานราชการต้นสังกัดที่ยืนยันว่า นพ.สรณฯ “เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย” ที่ส่งมาถึง ปธ.กมธ.ไอซีที ลงนามโดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลโดยตรง”

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังสอดคล้องกับ หนังสือของกรมสรรพากร ด่วนที่สุดที่ กค.๐๗๐๑/๔๐๐ ลงวันที่ 23 พ.ค.2567 เรื่อง แจ้งผลการค้นข้อมูลภาษีอากร ที่ส่งถึง ประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ( พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์) ตามที่ กมธ.ขอให้กรมสรรพากรจัดส่งข้อมูลราย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ต่อ กมธ. ซึ่งอธิบดีกรมสรรพากรจึงได้จัดส่งข้อมูลเป็นเอกสารมายัง กมธ.ไอซีที โดยสรุปข้อมูลได้ว่า จากการค้นข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา(ภ.ง.ด.๙๐) ปีภาษี ๒๕๖๕ นพ.สรณฯมีเงินได้จาก 1. สำนักงาน กสทช. 2. คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 3. บริษัท เมอร์ค จำกัด

ต่อมาปีภาษี ๒๕๖๖ นพ.สรณฯ มีเงินได้จาก 1.สำนักงาน กสทช. 2.บริษัท เมอร์ค จำกัด

ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานดังกล่าว ประกอบกับหลักฐานที่นพ.สรณฯ เมื่อได้รับเลือกเป็น ปธ.กสทช.แล้ว ยังยินยอมให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เสนอชื่อตนเองต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ผู้ถือหุ้นเลือกและยอมรับการเป็นกรรมการของบริษัท ธนาคารกรุงเทพฯ อีกด้วย

เหตุนี้ กมธ.จึงพิจารณาเห็นว่า นพ.สรณฯ มิได้อุทิศตนทำงานเต็มเวลาและเมื่อได้รับเลือกและได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสมาชิกแล้ว ก่อนหรือภายหลังที่นายกรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนั้น ก็มิได้ลาออกจากกรรมการบริษัทธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และมิได้ลาออกจากการ“เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย” ตามเวลาที่ประธานวุฒิสภาแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด

เมื่อพิจารณาตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น กมธ.จึงเห็นว่า นพ.สรณฯ มีลักษณะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๗ ข.(๑๒) มาตรา๘และมาตรา ๒๖ ประกอบมาตรา๑๘ และมาตรา ๒๐ อันเป็นการพิจารณาตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยความสุจริตตามอำนาจหน้าที่โดยชอบของ กมธ.วุฒิสภาทุกประการ

การที่ นพ.สรณฯ หรือที่ปรึกษาของท่าน ได้ออกมาให้ข่าวและข้อมูลต่อสื่อมวลชน กล่าวหาการทำหน้าที่ของ กมธ.ไอซีที จึงไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และจนถึงปัจนุบันยังไม่ปรากฎหลักฐานใดๆว่าท่านได้ลาออกจากการ”เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย“ หรือการที่ท่านอ้างผลการตรวจสอบของกระทรวง อว. ก็ไม่ปรากฎว่าบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ออกมาแถลงยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวให้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักของ กมธ.แต่อย่างใด หนังสือที่ท่านอ้างถึงเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย

“หากท่านเห็นว่ารายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ กมธ.เป็นเท็จหรือทำให้ท่านเสียหาย ข้าพเจ้าขอเรียนเชิญให้ท่านควรรีบใช้สิทธิทางศาลฟ้องคดีต่อผู้ที่กล่าวความเท็จนั้นได้ ข้าพเจ้ายินดีนำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแสดงต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความจริงได้ตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ผ่านมาร่วมปีเศษ และดำรงตำแหน่ง ปธ.กสทช.โดยไร้ความสง่างาม”

ส่วนที่ท่านอ้างความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ชี้ว่าอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติท่าน เป็นของ คณะกรรมการสรรหา กสทช.นั้น ข้าพเจ้าขอเสนอให้ท่านได้โปรดเสนอหนังสือ หรือพยานหลักฐานที่แสดงว่า กฤษฎีกาได้มีความเห็นเช่นนั้นจริงมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย มิเช่นนั้นข้อกล่าวอ้างของท่านก็จะเป็นสิ่งที่เลื่อนลอย ไม่มีพยานหลักฐานให้รับฟังได้แต่อย่างใด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts