ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้าปราบเว็บพนันออนไลน์ตามนโยบาย “วาระแห่งชาติ” บุกจับหนุ่มไอทีเมืองจันทบุรี รับจ้างออกแบบและดูแลระบบเว็บพนัน 5 เว็บไซต์ พบเงินหมุนเวียนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี เตรียมขยายผลเอาผิดเครือข่าย–ดำเนินคดีฟอกเงิน
ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่ประกาศให้การปราบปราม “เว็บพนันออนไลน์–มิจฉาชีพออนไลน์–สแกมเมอร์ (Scammer)” เป็น วาระแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 2 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งกวาดล้างอย่างจริงจัง
ต่อมา ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี นำโดย พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต รองผู้บังคับการฯ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.พีรพล เสลารัตน์ ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.ธนเดช หลาบมาลา รอง ผกก.สส.ฯ และ พ.ต.ท.ภัควัต เมฆฉาย สว.กก.สส.ฯ นำทีมสืบสวนติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่
บุกหอพักกลางเมืองจันทบุรี จับหนุ่มไอทีทำเว็บพนัน
จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสว่า นายสัน (สงวนนามสกุล) พักอยู่ในหอพักแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี และมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้วางแผนเข้าปิดล้อมตรวจค้น พบผู้ต้องหาอยู่ภายในห้องพัก พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง ซึ่งใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางออนไลน์
จากการสอบสวน นายสันฯ ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้รับออกแบบและดูแลระบบเว็บพนันออนไลน์ โดยทำหน้าที่เป็นแอดมินดูแลหลังบ้านของเว็บพนัน 5 เว็บไซต์หลัก ได้แก่
นายสันฯ ระบุว่า ได้รับค่าจ้างเดือนละ 70,000 บาท แบ่งกับเพื่อนอีกคนคนละ 35,000 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจพนันออนไลน์ในฝั่งประเทศกัมพูชา
เงินสะพัดกว่า 6 ล้านบาทต่อปี
ผลการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า เว็บทั้ง 5 แห่งมีเงินหมุนเวียนรวมกันมากกว่า 6 ล้านบาทต่อปี แสดงถึงขนาดของเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงข้ามประเทศและสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในพื้นที่
ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา
“จัดให้มีการเล่น หรือช่วยโฆษณาชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12
ขยายผลเครือข่าย–ดำเนินคดีฟอกเงิน
เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่น รวมถึงผู้ว่าจ้างในต่างประเทศ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีในข้อหา “ฟอกเงิน” เนื่องจากพบการหมุนเวียนเงินจากธุรกิจผิดกฎหมายผ่านระบบออนไลน์
ตำรวจภาค 2 เดินหน้าปราบไม่หยุด
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นในการ “ตัดวงจรสนับสนุนเว็บพนันออนไลน์” ตามแนวนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มุ่งมั่นปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
เตือนภัยประชาชน
ตำรวจภูธรภาค 2 ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อ หรือรับจ้างทำงานที่เกี่ยวข้องกับ “เว็บพนันออนไลน์” เพราะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ
หากพบเบาะแสเว็บไซต์พนันหรือการหลอกลวงทางออนไลน์ สามารถแจ้งได้ที่
สายด่วนตำรวจ 191
หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) โทร. 1441








