แม่ค้าขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองในทวิตเตอร์ ยอมรับเต็มปากว่าสินค้าทั้งหมดเป็นของปลอมจากโรงเกลือ หลังเคยโพสต์ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายบริษัทตรวจสอบและโรงเรียนสอนเช็กของแท้ จนถูกฟ้องหมิ่นประมาท ล่าสุดเข้ากราบขอโทษต่อหน้าศาล ขณะที่บริษัทชี้เป็นกรณีตัวอย่าง—หากเกิดอีกจะดำเนินคดีถึงที่สุด
กลายเป็นบทเรียนแรงสำหรับผู้ค้าบนโลกออนไลน์ หลังจาก นางสาววรินทร์กุล หรือ “อันดา” เจ้าของบัญชี Twitter @usedbyriri ที่ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ออกมายอมรับสารภาพต่อศาลเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ว่า กระเป๋าที่นำมาจำหน่ายเป็น ของปลอมทั้งหมด โดยรับสินค้ามาจากตลาดโรงเกลือ ในราคา 2,000–7,000 บาท
จุดเริ่มต้นของคดีเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าหลายรายนำกระเป๋าที่ซื้อไปตรวจสอบกับ บริษัท ทีซีเอฟ เวริฟาย จำกัด รวมถึงกระเป๋ายี่ห้อดังอย่าง Goyard ก่อนพบว่าเป็นของปลอมทั้งหมด เมื่อลูกค้าขอเงินคืน น.ส.วรินทร์กุลกลับแสดงความไม่พอใจต่อผลตรวจ และได้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จบน Twitter กล่าวหาบริษัทว่า “ตรวจผิด สลับของแท้เป็นของปลอมและของปลอมเป็นของแท้” พร้อมตัดต่อรูปภาพและข้อความ ทำให้บริษัทเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
เธอยังพาดพิงถึง โรงเรียนเดอะแคทช์เฟคแบรนด์เนม ว่ามีการสอนผิดพลาด ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ทั้งบริษัทและโรงเรียนตัดสินใจฟ้องหมิ่นประมาทที่ศาลจังหวัดนนทบุรี
กระทั่งล่าสุด น.ส.วรินทร์กุลให้การรับสารภาพต่อศาล ยอมรับว่ากระเป๋าทั้งหมดเป็นของปลอมจริง และเผยว่าตนป่วยเป็น โรคจิตเภทชนิดหลงตนเอง เคยต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหลายเดือน ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อผิด ๆ ว่าตนมีความสามารถตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมได้
เธอได้แสดงความสำนึกผิดด้วยการ กราบขอโทษกรรมการบริษัทและ “ครูเจี๊ยบ” ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฯ พร้อมนำพวงมาลัยและกระเช้าแสดงความรับผิดชอบ
มาตรการและท่าทีของบริษัท
ครูเจี๊ยบ ผู้บริหารบริษัท ทีซีเอฟ เวริฟาย จำกัด ยืนยันว่า บริษัทมีมาตรฐานการตรวจสอบและหลักสูตรการสอนที่เป็นระบบ การดําเนินคดีกับผู้ทำให้เสียหายจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและชื่อเสียงขององค์กร
“กรณีนี้บริษัทให้โอกาสผู้กระทำความผิดกล่าวขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย หากเกิดซ้ำจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” ครูเจี๊ยบย้ำ
หลังผู้ต้องหาแสดงความสำนึกผิด บริษัทและโรงเรียนเตรียมถอนคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม รวมถึงคำร้องเรียกค่าเสียหายตามมาตรา 44/1 ออกจากสำนวน ทว่าความผิดตามกฎหมายยังต้องอยู่ในดุลพินิจของศาลและพนักงานอัยการ
ฝั่งทนายเตือนแรง—คิดก่อนโพสต์
ด้าน “ทนายหวาย ช่วยด้วย” เตือนประชาชนให้ระวังการใช้สื่อออนไลน์ เพราะการโพสต์เพียงไม่กี่วินาทีอาจนำไปสู่การขึ้นศาล เสียเงิน และอาจถึงขั้นเสียอิสรภาพ
“อย่าทำอะไรตอนมีโทสะ เพราะคุณอาจไม่โชคดีเจอผู้เสียหายที่ยอมรับเพียงคำขอโทษแบบคดีนี้” ทนายระบุทิ้งท้าย
หากต้องการปรับน้ำเสียงให้ดุดันขึ้น หรือให้เป็นสำนวนข่าวเชิงสืบสวน บอกผมได้เลยครับ!













