วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 20, 2025
หน้าแรกอาชญากรรม“จ่าคิงส์” พาลูกร้องกองปราบฯ ทวงคดีพ่อถูกวิสามัญกลางซอยราชบุรี ครอบครัวสุดข้องใจ! ผลชันสูตร–หลักฐานขัดแย้ง ขอความเป็นธรรมตรวจสอบตำรวจยิงเกินกว่าเหตุ

Related Posts

“จ่าคิงส์” พาลูกร้องกองปราบฯ ทวงคดีพ่อถูกวิสามัญกลางซอยราชบุรี ครอบครัวสุดข้องใจ! ผลชันสูตร–หลักฐานขัดแย้ง ขอความเป็นธรรมตรวจสอบตำรวจยิงเกินกว่าเหตุ


ลูกชาย–ลูกสาวของชายวัย 60 ปี ผู้ถูกตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี วิสามัญกลางซอย พา “จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่” เข้าร้องกองปราบปราม ขอความเป็นธรรมหลังคดีเงียบ เชื่อพ่อถูกยิงเกินกว่าเหตุ พบผลชันสูตร–หลักฐานขัดแย้งหลายจุด พร้อมเรียกร้องย้ายตำรวจทั้งสามนายออกจากพื้นที่เพื่อความโปร่งใส

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง “จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่” อดีต สห.ทอ. และนักเคลื่อนไหวช่วยเหลือประชาชน นำ นายณัฐพงศ์ โพคัยสวรรค์ อายุ 27 ปี และ น.ส.ธนวรรณ โพคัยสวรรค์ อายุ 25 ปี ลูกชาย–ลูกสาวของ นายสุรพล โพคัยสวรรค์ ผู้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี วิสามัญเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสของคดี หลังผ่านมาเกือบ 2 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า

ครอบครัวระบุว่า คดีนี้อาจมี “ความผิดปกติ” หลายประเด็น ทั้งลักษณะการยิง ผลชันสูตร และพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันเกิดเหตุ

น.ส.ธนวรรณ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุพ่อของเธอมีสติสัมปชัญญะดี ไม่ได้คลุ้มคลั่งอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง และจากคลิปเหตุการณ์ พ่อวิ่งเข้าหาตำรวจจริงแต่ “ไม่ได้ยกมีดขึ้นฟัน” อีกทั้งอยู่ในระยะห่างพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่กลับ “กระหน่ำยิง” จนมีปลอกกระสุนตกในที่เกิดเหตุถึง 9 ปลอก ขณะที่ผลชันสูตรจากโรงพยาบาลราชบุรี ระบุพ่อถูกยิงเพียง 3 นัด—ที่ขา 2 นัด และเหนือปาก 1 นัด กระสุนทะลุฟันซี่ 2 และ 3 ออกด้านหลังคอ ซึ่งไม่สอดคล้องกับจำนวนปลอกกระสุนที่พบ

ครอบครัวยังตั้งข้อสงสัยว่า มี “รอยคล้ายรูกระสุนบริเวณหน้าผาก” แต่กลับไม่ถูกบันทึกไว้ในรายงานทางนิติเวช ทำให้ญาติต้องทำหนังสือขอผ่าชันสูตรซ้ำ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ

ครอบครัวผู้เสียชีวิตเผยว่า ได้ยื่นขอคลิปจากกล้องติดตัวตำรวจ (บอดี้แคม) ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย แต่ไม่เคยได้รับแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ากลับมีคลิปจากหนึ่งในกล้องชุดเดียวกัน “ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์” สร้างความสงสัยว่า เหตุใดคลิปสำคัญจึงไม่ถูกส่งมอบเป็นหลักฐานตามขั้นตอน

ลูกสาวระบุเพิ่มเติมว่า ครอบครัวต้องการให้มีคำสั่ง “ย้ายหรือพักราชการ” เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือกดดันพยานในพื้นที่ พร้อมเผยว่า เมื่อตนและน้องชายไปแจ้งความดำเนินคดี กลับถูกปฏิเสธโดยอ้างว่า “ไม่ใช่ทายาทโดยชอบธรรม” เพราะบิดาและมารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทั้งที่ตนเป็นบุตรโดยสายเลือดอย่างชัดเจน

อีกหนึ่งข้อสงสัยคือ ตำรวจอ้างได้รับแจ้งเหตุว่ามี “ชายคลุ้มคลั่งอาละวาด” แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่า “ใครเป็นผู้แจ้ง” และมีหลักฐานยืนยันหรือไม่ว่าเกิดเหตุจริง ขณะที่พยานในพื้นที่บางรายระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเพียงเดินอยู่หน้าบ้าน ไม่ได้ถือมีดหรือก่อเหตุรุนแรง

“หนูวิ่งกลับมาทันเห็นพ่อกำลังนอนจมเลือด ตาค้าง หายใจรวยริน หนูพยายามจะเข้าไปหา แต่ตำรวจกันไว้ แล้วพูดว่า ‘พ่อน้องถือมีดจะวิ่งไล่ฟันพี่ พี่เลยต้องยิงป้องกันตัว’ หนูทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้” น.ส.ธนวรรณ กล่าวทั้งน้ำตา

ท้ายสุด ครอบครัวโพคัยสวรรค์ วอนให้ กองบังคับการปราบปราม เข้ามารับคดีไปดำเนินการแทน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts